ปราจีนบุรี-รมช.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เตรียมชูขยายควายไทยแก้ไขความยากจน
ภาพ/ข่าว:มานิตย์ สนับบุญ
รมช.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เตรียมชูขยายควายไทยแก้ไขความยากจนโดยใช้สอนศิริฟาร์มควายไทยเป็นต้นแบบ-แม่ข่ายผลิตควายไทย-นมควาย
วันนี้ 15 ธ.ค.62 นายประภัตร โพธสุธน รมช.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วยนายอำพันธุ์ เวฬุตันติ ผู้ตรวจราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และนายสมชวน รัตนมังคลานนท์ รองอธิบดีกรมปศุสัตว์ เดินทางมาตรวจเยี่ยมสอนสิริฟาร์ม อ.บ้านสร้าง จ.ปราจีนบุรี เพื่อตรวจเยี่ยมราชการและติดตามงานตามนโยบายกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในจังหวัดปราจีนบุรี โดยมีนายนายวรพจน์ แววสิงห์งาม รอง ผวจ.ปราจีนบุรี ,นายชัยวรรณ นิยม นายอำเภอบ้านสร้าง,นายพรหมพิริยะ สอนสิริ เจ้าของฟาร์ม ให้การต้อนรับ นายนายวรพจน์ กล่าวว่า “ จังหวัดปราจีนบุรี มีพื้นที่ทั้งหมด 2,976,475 ไร่ แบ่งการปกครองเป็น 7 อำเภอ 64 ตำบล 708 หมู่บ้าน ,องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) 1 แห่ง, 13 เทศบาล และ 56 องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) มีคำขวัญประจำจังหวัดคือ “ศรีมหาโพธิ์คู่บ้าน ไผ่ตงหวานคู่เมือง ผลไม้ลือเลื่อง เขตเมืองทวารวดี”
ประชากรส่วนใหญ่ มีอาชีพเกษตรกรรม เช่น ปลูกข้าว ทำนาน ทำสวนผลไม้ ทำให้ประชาชนในจังหวัดปราจีนบุรี มีผลผลิตข้าวที่มีคุณภาพดี กับผลไม้ที่เป็นที่รู้จัก เช่น ทุเรียน กระท้อน มะปราง มะยงชิด โดยเฉพาะทุเรียนได้รับการจดสิทธิบัตรเป็นทุเรียนจีไอ ทำให้ทุเรียนจากปราจีนบุรีมีชื่อเสียงโด่งดัง เป็นสินค้าส่งออกไปต่างประเทศทุกปี และเป็นแหล่งผลิตสัตว์น้ำรายใหญ่ของประเทศ ได้แก่ อำเภอบ้านสร้าง ซึ่งทำรายได้สู่ประชาชนในจังหวัดปราจีนบุรีเป็นอย่างมาก ด้านปศุสัตว์ มีสัตว์เศรษฐกิจที่สำคัญของจังหวัดปราจีนบุรี สัตว์ปีกเพื่อการส่งออก ได้แก่ การเลี้ยงสัตว์ปีกในระบบอุตสาหกรรม เพื่อการส่งออก จำนวน 432 ฟาร์ม ,โรงฆ่าสัตว์ปีกเพื่อการส่งออก จำนวน 1 แห่ง โดยส่งออกไปยังกลุ่มประเทศยุโรป ประเทศญี่ปุ่น ประเทศจีน
ส่วนการผลิตสุกรในระบบอุตสาหกรรม มีจำนวนฟาร์มที่เป็นมาตรฐาน จำนวน 136 ฟาร์ม ซึ่งผลิตสุกรป้อนในตลาดภายในประเทศและต่างประเทศบางส่วน และมีโรงฆ่าสุกรผ่านระบบมาตรฐาน GMP จำนวน 2 แห่ง ซึ่งโรงฆ่ามาตรฐานสามารถส่งสัตว์ไปยังตลาดโมเดิร์นเทรด ได้แก่ บิ๊กซี เทสโก้โลตัส แม็คโครในส่วนโค กระบือนั้น การเลี้ยงยังเป็นเกษตรกรรรายย่อย และยังคงต้องมีการพัฒนาระบบการเลี้ยง เพื่อให้ได้มาตรฐานและมีผลผลิตที่เพียงพอ เพื่อส่งไปยังตลาดจ่าง ๆ ต่อไป ปัจจุบัน มีโคเนื้อ 12,371 ตัว , กระบือ 8,314 ตัว และในวันนี้ ได้เข้าตรวจเยี่ยม สอนศิริฟาร์มควายไทย เลขที่ 66/1 หมู่ที่ 2 ตำบลบางยาง อำเภอบ้านสร้าง จังหวัดปราจีนบุรี เจ้าของฟาร์มนายพรหมพิริยะ สอนศิริ อายุ 52 ปี ปัจจุบันเลี้ยงควายทั้งหมด 260 ตัว แบ่งออกเป็นพ่อพันธุ์ 2 ตัว แม่พันธุ์ 160 ตัว ,แม่รีดนม 40 ตัว และ ลูกควาย 58 ตัว สอนศิริฟาร์มควายไทย เป็นฟาร์มที่ได้มาตรฐาน ทั้งสถานที่ วิธีการเลี้ยง และการคัดเลือกพัฒนาปรับปรุงพันธุ์ ทำให้ได้ควายที่มีรูปร่างใหญ่ สมบูรณ์ เป็นที่ต้องการของตลาด จุดเด่นของฟาร์ม อยู่ที่การเลี้ยงควายไทยขายนมในโรงเรือนแบบประณีต เน้นความสะอาด ไม่มีกลิ่นเหม็น ควายได้รับการตรวจโรคและได้รับการรับรองฟาร์มปลอดโรคจากหน่วยงานปศุสัตว์
ปัจจุบัน ได้รับการพัฒนาผลิตภัณฑ์จากนมควายไทยพร้อมดื่ม ต่อยอดธุรกิจเพิ่มเติม ได้แก่ โยเกิร์ต พุดดิ้ง สบู่ และ ครีมบำรุงผิว ตลอดจนมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์จากเขาได้แก่หวี ไม้เกาหลัง และ หนังสตี๊ก เป็นต้น นายประภัตร โพธสุธน รมช.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า “ปัจจุบันควายไทยเป็นของคู่เมือง มีแนวคิดที่พัฒนาส่งเสริมการเลี้ยงควายไทยโดยเอาสอนศิริฟาร์มเป็นแม่ข่าย-ต้นแบบในการพัฒนาการเลี้ยง-ขยายเครือข่ายควายไทยให้พัฒนาต่อไป”นายประภัตร กล่าว นายพรหมพิริยะ สอนสิริ อายุ 52 ปี เจ้าของสอนสิริฟาร์มควายไทย กล่าวว่า “มาอยู่ อ.บ้านสร้างเมื่อปี 2543 และได้ทำฟาร์มควายไทย โดยเลี้ยงในระบบปิดตั้งแต่ปี 2557 บนเนื้อที่รวมทั้งหมดกว่า 55 ไร่ โดยก่อนหน้าหลังจบการศึกษาด้านสัตว์บาล ได้ไปทำงานด้านจำหน่ายผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำ-ยากุ้ง พร้อมเลี้ยงสัตว์ต่าง ๆ อาทิ เลี้ยงกุ้ง ทำฟาร์มเลี้ยงม้า,แกะ,แพะ ล่าสุดทำฟาร์มโคนม แต่ไม่ประสบความสำเร็จ แต่ มีเพื่อนที่เป็นผู้เชี่ยวชาญ ดีกรีระดับดอกเตอร์ด้านควายไทย ได้แนะนำให้ลองเลี้ยงควายไทย ที่เป็นสัตว์พื้นเมือง –เลี้ยงง่าย ดีที่สุดในโลก การลงทุนไม่สูง ควายเลี้ยงง่ายกินหญ้าทุกชนิด ที่บ้านสร้าง มี บ่อปลาเป็นหมื่นไร่ ตามคันบ่อปลาก็จะมีหญ้าขึ้นจำนวนมาก ก็ไปขอตัดได้ผลประโยชน์กัน ทั้งสองฝ่าย และ ที่สำคัญควายเป็นสัตว์ประจำชาติไทยที่มีพันธุกรรมดั้งเดิมอยู่ในประเทศ แต่วัว ต้องไปหาสายพันธุ์มาจากต่างประเทศจึงจะได้พันธุ์แท้จึงได้ค่อย ๆ ขายวัวออกไป และหาเลือกซื้อแม่พันธุ์ –พ่อพันธุ์ลักษณะดี จากแหล่งการจัดประกวดพันธุ์ควายไทยทั่วประเทศมาเลี้ยงในฟาร์ม พร้อมกับพัฒนา จนทำให้ได้พันธุ์ควายที่มีรูปร่างขนาดใหญ่ สมบูรณ์ ถูกต้องตามคุณลักษณะควายไทยแท้ทุกอย่าง อีกทั้งยังได้ลูกควายที่สมบูรณ์แข็งแรง เป็นที่ต้องการของตลาด สามารถขายได้ในราคาสูง
พร้อม ได้ทำการพาสเจอไรซ์น้ำนม พบกลิ่นนมควายที่ได้หอมหวาน ไขมันสูงกว่านมท้องตลาด จึงได้ทำเริ่มรีดนมควายไทยตั้งแต่นั้นมา พร้อมยังขยายผลิตภัณฑ์จากนมหลายอย่าง อาทิ โยเกิร์ตขายให้แก่กลุ่มผู้รักสุขภาพในชื่อแบรนด์ “SIAM BUFF MILK” ,พุดดิ้งนมควาย ,หวีจากเขาควาย ,สบู่น้ำนมควาย,ง่ามหนังสะติ๊กเขาควาย“สอนศิริฟาร์มควายไทย” เป็นฟาร์มที่เลี้ยงควายแบบยืนโรง ซึ่งตลอดการเลี้ยงควายนั้นทำด้วยใจรัก มีความประณีต ทุกคอกมีความสะอาดเป็นหลักทุกขั้นตอน พร้อมกับการดูแลปรับอุณหภูมิในคอกเลี้ยงให้มีความเหมาะสมด้วยการตั้งสเปรย์ละอองน้ำเป็นจังหวะอัตโนมัติไว้ อาหารที่ให้วันละ 3-4 กิโลกรัมร่วมกับหญ้าและฟางทำให้ควายมีสุขภาพดี อ้วน ส่วนที่พื้นคอกจะมีที่นอนฟองน้ำสำหรับให้ควายนอนหรือเมื่อลุกขึ้นยืนแบบชันเข่าจะได้ไม่มีแผล ส่วนภายนอกโรงเรือนคลุมด้วยมุ้งอีกชั้นเพื่อป้องกันยุงและแมลงเข้ามา ตลอดจนจ้างเจ้าหน้าที่เป็นสัตว์บาลกว่า10 คน เข้ามาทำงาน เพราะตั้งใจใช้บุคลากรมืออาชีพที่มีความชำนาญมารับผิดชอบในหน้าที่ต่างๆในที่สุดผลแห่งความสำเร็จทำให้ฟาร์มแห่งนี้มีพันธุ์ควายไทยทั้งเพศผู้-เมีย ที่ล้วนแต่มีความสมบูรณ์สวยงาม ตามคุณลักษณะควายไทยแท้ จนได้รางวัลจากการประกวดมากมาย อีกทั้งลูกควายทุกตัวที่เกิดใหม่ล้วนมีคุณภาพมีความสมบูรณ์ตามมาตรฐาน ลูกควายที่มีอายุ 1 ปีได้น้ำหนักอย่างน้อยตัวละประมาณ300 กิโลกรัม ที่ผ่านมาจำหน่ายลูกควายได้มากกว่า 50- 60 ตัว ราคาขายขั้นต่ำ 1 -2 แสนบาท
สามารถติดตามข่าวสารอื่นๆได้ก่อนใครที่ https://www.siameagle.com
หรือ https://www.facebook.com/siameaglenews/