สระแก้ว-สพม.7 สั่งย้ายแล้ว !! ผอ.รร.สระแก้ว
ภาพ/ข่าว:นายยุทธนา พึ่งน้อย
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมเขต 7 สั่งย้ายด่วน ผอ.รร.สระแก้วไปประจำที่ต้นสังกัดขาดจากตำแหน่งเดิม พร้อมกับรองผู้อำนวยการคู่ใจ เพื่อให้ศึกษาธิการจังหวัดสระแก้วตั้งกรรมการสอบสวนเอาผิดและลงโทษทางวินัยภายใน 180 วัน หากร้ายแรงถึงขั้นย้ายหรือไล่ออก ด้าน อดีต ผอ.ระบุหากยังอยู่โกลาหลแน่(มีคลิป)
วันที่ 1 มี.ค.62 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีที่กลุ่มนักเรียน ศิษย์เก่าและผู้ปกครองนักเรียนรวมตัวประท้วงขับไล่ ผอ.โรงเรียนแห่งหนึ่งในพื้นที่ จ.สระแก้ว ประพฤติตัวไม่เหมาะสม ซึ่งภายหลัง นายวิชิต ชาติไพสิฐ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว ได้รับหนังสือร้องเรียนและสั่งให้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนข้อเท็จจริง โดยมีการสรุปผลการสอบสวนชี้มูลความผิดแล้วบางส่วน ส่งให้ผู้ว่าราชการจังหวัดและสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 7 ปราจีนบุรี พร้อมกับผลการสอบสวนของคณะกรรมการที่ สพม.7 ตั้งขึ้นด้วยเช่นกัน โดย นายสุรชาติ เครือศรี ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 7 ปราจีนบุรี รับปากจะสรุปผลการพิจารณาในวันศุกร์ที่ 1 มี.ค.62 นี้ ส่งผลให้อดีตศิษย์เก่า ผู้ปกครองและครู นัดเดินทางมารวมตัวกันที่ศาลากลางจังหวัดสระแก้วนั้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังแกนนำศิษย์เก่าฯ นำโดย นายพงษ์พัฒน์ ตุลาชม อดีตศิษย์เก่าและคณะกรรมการสมาคมศิษย์เก่าและผู้ปกครองฯ ,นางวาสนา คงเจริญ อดีตอาจารย์และคณะกรรมการสมาคมศิษย์เก่าและผู้ปกครองโรงเรียนฯ พร้อมด้วย นายปกรณ์ ภูมิเขต อดีตผู้อำนวยการโรงเรียนสระแก้ว และตัวแทนศิษย์เก่าและผู้ปกครอง ประมาณ 20 คน ได้มารวมตัวกันที่บริเวณมุขด้านหน้าศาลากลางจังหวัดสระแก้ว โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหารและอาสารักษาดินแดน มาดูแลสถานการณ์ประมาณ 30 นาย ก่อนจะเดินทางไปร่วมประชุมและรับฟังผลสรุปการสอบสวนของ สพม.7 ที่ห้องประชุมสระแก้ว ชั้น 3 ซึ่งมีนายศิริศักดิ์ ศิริมังคะลา ปลัดจังหวัดสระแก้ว เป็นประธาน ,นายไสว สารีบท ศึกษาธิการจังหวัด ,นายสุรชาติ เครือศรี ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 7 ปราจีนบุรี ,พ.อ.ศราวุธ รบเมือง รองเสนาธิการมณฑลทหารบกที่ 19 และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมรับฟังจำนวนมาก
นายปกรณ์ ภูมิเขต อดีตผู้อำนวยการโรงเรียนสระแก้ว กล่าวก่อนการสรุปของ สพม.7 ว่า ตนเป็นทั้งศิษย์เก่า ครูและผู้บริหารโรงเรียน มาวันนี้เพราะทนฟังทนดูสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ไหว จะนิ่งเฉยซะก็กระไรอยู่ ถ้าเป็นตนขอย้ายไปแล้ว หากจะให้กลับมาแก้ตัวผมยอมไม่ได้ ตนจะระดมพี่น้องชาวสระแก้ว ลูกศิษย์ลูกหาเยอะแยะเพื่อเอาคนใหม่มาอยู่ แต่ถ้ายังให้อยู่ต่อตนไม่ยอม เราจะทดลองกันไหมว่า กำลังของท่านกับกำลังของพวกผมใครจะแน่กว่ากัน
หลังจากนั้น นายสุรชาติ เครือศรี ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 7 ปราจีนบุรี ได้ชี้แจงผลการสอบสวนว่า หลังได้รับผลการสอบสวนของทางจังหวัดสระแก้ว และคณะกรรมการที่ สพม.7 ตั้งขึ้น พบว่า ตามข้อร้องเรียนทั้ง 10 กว่าข้อที่ได้ตรวจสอบพบข้อมูลที่ชัดเจนว่า มีมูลความผิดและเป็นมูลความผิดที่ชี้ได้ว่าเป็นวินัยร้ายแรง ที่จังหวัดและคณะกรรมการเห็นตรงกัน ซึ่งจะมีการตั้งกรรมการสอบสวนวินัยรายแรง ตามอำนาจหน้าที่ของศึกษาธิการจังหวัดสระแก้ว
“เรื่องย้าย ผอ. เพื่อให้ออกไปจากทางโรงเรียนก่อนทั้ง 2 คน คือ ผอ.และรอง ผอ. เพื่อให้ไม่มีอำนาจในการบริหารหรือสั่งการใด ๆ หลังมีการชี้มูลความผิดแล้ว ทางสำนักงานเขตจึงให้อำนาจตามมาตรา 70 ตาม พรบ.ครู ให้ไปประจำที่เขต 7 คือพ้นจากโรงเรียน พ้นจากตำแหน่งหน้าที่ ไม่มีอำนาจมาสั่งการได้แล้ว หลังจากนั้นก็จะนำเรียนท่านเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน หรือ สพฐ.เพื่อให้ สพฐ.อาจจะเรียกให้ไปประจำที่ สพฐ.ต่อไป” นายสุรชาติกล่าว
ด้าน นายไสว สารีบท ศึกษาธิการจังหวัดสระแก้ว กล่าวว่า ขณะนี้ สพม.เขต 7 เสนอชี้มูลว่ามีความผิด ซึ่งเป็นการกล่าวหาว่ากระทำความผิดวินัยร้ายแรง ซึ่งทางสำนักงานศึกษาธิการจังหวัด ก็ต้องแต่งตั้งคณะกรรมการสอบ แต่ผลการสอบสวนต้องอยู่ที่พยานหลักฐาน ซึ่งความผิดของเค้าจะถึงขั้นร้ายแรงหรือไม่ร้ายแรง อยู่ที่เอกสารหลักฐาน เมื่อสำนักงานเขต 7 เสนอว่า ผิดวินัยร้ายแรง สำนักงานศึกษาธิการจังหวัดก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ ก็ต้องตั้งกรรมการสอบวินัยร้ายแรง ซึ่งกระบวนการจะใช้เวลาภายใน 180 วัน โดยโทษของผลการสอบวินัยร้ายแรง หากสรุปว่า ผิดวินัยร้ายแรง โทษก็คือ ไล่ออกและปลดออก แต่ถ้าไม่ถึงขั้นร้ายแรง อาจจะเป็นลดขั้นเงินเดือน ตัดเงินเดือน ภาคทัณฑ์ ส่วนกรณีชู้สาว หากมีหลักฐานชัดเจนก็ถึงขั้นไล่ออกก็มีเช่นกัน
นอกจากนั้น นายปกรณ์ ยังกล่าวเพิ่มเติมภายหลังด้วยว่า ไม่อยากจะเอาอะไรรุนแรงมากมายนัก เพียงแต่ขออย่าให้กลับเข้ามา เพียงไม่อยากให้มาเป็นผู้บริหารโรงเรียนสระแก้วเท่านั้น ขออย่างเดียวว่า อย่ากลับมา ซึ่งถ้ากลับเข้ามาตนบอกได้เลยว่า โกลาหลจะต้องเกิดขึ้นแน่นอน เพราะเค้าพูดไว้ว่า ถ้ากูกลับเข้ามากูล้างบางแม่งหมด เค้าพูดอย่างนี้เป็นใครก็ต้องระวังตัวเอง อย่างน้อยลูกตน 2 คนเป็นครูอยู่ที่นั่น มึงทำได้กูก็ทำได้ ไม่เห็นจะกลัวมึงเลย พกปืนวันละ 2 กระบอกทุกวันในโรงเรียน เอาปืนขึ้นมาวางต่อหน้าเด็ก เด็กก็กลัวเหมือนกัน
อย่างไรก็ตาม ทางศิษย์เก่าและผู้ปกครองเป็นห่วงเรื่องความไม่ปลอดภัยและการข่มขู่คุกคามนักเรียนและครูในโรงเรียนปัจจุบัน โดย พ.อ.ศราวุธ รบเมือง รองเสนาธิการมณฑลทหารบกที่ 19 แจ้งว่า จะประสานให้เจ้าหน้าที่ทหาร ร้อย รส.มทบ.19 เข้าไปดูแลประสานกับทางรักษาการผู้อำนวยการโรงเรียนสระแก้วต่อไป หากเกิดเหตุการณ์อะไรก็สามารถแจ้งเจ้าหน้าที่ได้โดยตรงตลอดเวลา .