กาญจนบุรี-ประชุมรับฟังแนวทางการดำเนินโครงการพัฒนาชุมชน

ภาพ/ข่าว:มานพ บุตรเนียม

        พลเอกไพบูลย์ คุ้มฉายา องคมนตรี ประชุมรับฟังแนวทางการดำเนินโครงการพัฒนาชุมชนในพื้นที่ตำบลไล่โว่ อำเภอสังขละบุรี จากส่วนราชการและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในจังหวัดกาญจนบุรี เน้นย้ำแนวทางการดำเนินการให้เป็นไปอย่างถูกต้อง หากดำเนินการแล้วเสร็จจะยกให้ตำบลไล่โว่ เป็นหมู่บ้านต้นแบบตามแนวชายแดนอีกด้วย

          วันนี้ (29 ส.ค.62) เวลา 07.00 น. ที่ห้องประชุมแควน้อย ชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดกาญจนบุรี พลเอกไพบูลย์ คุ้มฉายา องคมนตรี เป็นประธานการประชุมรับฟังแนวทางการดำเนินโครงการพัฒนาชุมชน ตำบลไล่โว่ อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี โดยมี นายจีระเกียรติ ภูมิสวัสดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี นายสมเจตน์ จงศุภวิศาลกิจ นายบวรศักดิ์ วานิช นายสมยศ ศิลปีโยดม รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี พล.ต.ต.สุวิทย์ ชาวศรีทอง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี นายอนันต์ กัลปะ ศึกษาธิการจังหวัดกาญจนบุรี นพ.พนัส โสภณพงษ์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดกาญจนบุรี นายปกรณ์ กรรณวัลลี นายอำเภอสังขละบุรี หัวหน้าส่วนราชการ ผู้แทนจากกองพลทหารราบที่ 9 ผู้แทนจากมณฑลทหารบกกาญจนบุรี นายอำเภอ เจ้าหน้าที่สังกัดกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช เจ้าหน้าที่จากกรมป่าไม้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม
            สำหรับการประชุมในครั้งนี้เพื่อติดตามการดำเนินโครงการพัฒนาชุมชน บ้านสาละวะ บ้านไล่โว่ และบ้านเกาะสะเดิ่ง ตำบลไล่โว่ อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งเป็นหมู่บ้านที่อยู่ตามแนวชายแดน โดยรวมมีประชากรจำนวนประมาณ 10,000 คน มีสัญชาติไทยจำนวนประมาณ 6,000 คน ส่วนอีก 4,000 คน เป็นบุคคลไร้สัญชาติ พื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ห่างไกล การเดินทางยากลำบาก ตั้งอยู่ในพื้นที่ของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรและกรมป่าไม้ การดำเนินชีวิตของประชาชนยังใช้ตามวิถีชีวิตดั้งเดิมของชาวไทยเชื้อสายกระเหรี่ยง
            ในด้านการศึกษามีโรงเรียนบ้านกองม่องทะ เป็นโรงเรียนที่จัดการเรียนการสอนตั้งแต่ชั้นอนุบาลจนถึงมัธยมศึกษาตอนต้น และยังมีโรงเรียนสาขาจำนวน 4 โรงเรียนอีกด้วย
             ในด้านสาธารณสุข มีโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลและเจ้าหน้าที่ประจำการสับเปลี่ยนหมุนเวียน มีสุขศาลาพระราชทานฯ จำนวน 2 แห่ง สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดกาญจนบุรีได้นำเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจโรคและดูแลส่งเสริมในเรื่องภูมิคุ้มกันอย่างครอบคลุม
              ในส่วนของการคมนาคม ยังเป็นปัญหาสำคัญ เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวยังเป็นดินลูกรัง และอยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรจึงมีข้อจำกัดในด้านระเบียบกฎหมายที่จะพัฒนาเส้นทาง แต่ทางด้านสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ก็ได้เสนอเรื่องไปยังกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ซึ่งได้มาการส่งเจ้าหน้าที่วิศวกรมาสำรวจและหาแนวทางที่เหมาะสมในการพัฒนาเส้นทาง โดยการแก้ไขปัญหาในเบื้องต้นทางเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรได้มีการนำรถแทรคเตอร์ไปปรับปรุงเส้นทางคมนาคมให้ประชาชนใช้สัญจรได้เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในกรณีเร่งด่วน
นอกจากนี้ทางเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรได้ร่วมกับนายอำเภอสังขละบุรี ผู้นำชุมชน และเจ้าหน้าที่กองงานส่วนพระองค์ในสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้หาแนวทางการพัฒนาคุณภาพชีวิตในการส่งเสริมอาชีพ ซึ่งได้มีการส่งเสริมราษฎรในการปลูกกาแฟและได้ดำเนินการเพาะปลูกจนได้ผลผลิตแล้ว คาดว่าในอนาคตจะทำให้ราษฎรมีรายได้เพิ่มมากขึ้นจากผลผลิตของกาแฟ
                ทั้งนี้ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่ที่ต้องการได้รับการสนับสนุนช่วยเหลือ ได้แก่ ปัญหาเส้นทางการคมนาคมเข้าออกระหว่างหมู่บ้านมายังอำเภอสังขละบุรี ปัญหาด้านการสื่อสาร เนื่องจากไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ ปัญหากระแสไฟฟ้าไม่เพียงพอ ปัญหาขอบเขตการใช้ที่ดินทำกินยังไม่ชัดเจน ปัญหาการก่อสร้างที่จะต้องได้รับการอนุญาตจากหน่วยงานป่าไม้ก่อน ปัญหาการช่วยเหลือผู้ป่วยฉุกเฉินออกจากพื้นที่ได้ล่าช้า และปัญหาการขนส่งผลผลิตทางการเกษตรที่เสริมรายได้ของประชาชน

                  พลเอกไพบูลย์ คุ้มฉายา องคมนตรี ได้รับฟังข้อมูลและปัญหาในพื้นที่ โดยได้มอบแนวทางการดำเนินการให้สำรวจข้อมูลของพื้นที่อย่างละเอียดทั้งหมด นำเสนอปัญหาของพื้นที่ในข้อเท็จจริง และมาประชุมหารือร่วมกันระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในระดับจังหวัด ซึ่งจะเป็นผลดีกับการดำเนินงาน และได้เน้นย้ำให้ปฏิบัติงานอย่างถูกต้อง นอกจากนี้ยังได้น้อมนำแนวพระราชดำริของสมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา เป็นแนวทางให้นำไปปฏิบัติอีกด้วย

สามารถติดตามข่าวสารอื่นๆได้ก่อนใครที่ https://www.siameagle.com
หรือ https://www.facebook.com/siameaglenews/