กาญจนบุรี-ศาลจังหวัดทองผาภูมิอ่านคำพิพากษาคดีล่าเสือดำป่าทุ่งใหญ่นเรศวร จำคุกเจ้าสัวเปรมชัยรวม 16เดือน  โดยไม่รอลงอาญา

กาญจนบุรี-ศาลจังหวัดทองผาภูมิอ่านคำพิพากษาคดีล่าเสือดำป่าทุ่งใหญ่นเรศวร จำคุกเจ้าสัวเปรมชัยรวม 16เดือน โดยไม่รอลงอาญา

ภาพ/ข่าว:มานพ บุตรเนียม

ศาลจังหวัดทองผาภูมิอ่านคำพิพากษาคดีล่าเสือดำป่าทุ่งใหญ่นเรศวร จำคุกเจ้าสัวเปรมชัยรวม 16เดือน โดยไม่รอลงอาญา แต่ยกฟ้องข้อหาเก็บหาของป่าและครอบครองซากเสือดำ

         ศาลจังหวัดทองผาภูมิได้อ่านคำพิพากษา ในคดีที่พนักงานอัยการจังหวัดทองผาภูมิ เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายเปรมชัย กรรณสูตร และพวกรวม4คน ในความผิด 6ข้อหา ประกอบด้วย 1. ร่วมกันพกพาอาวุธปืนไปเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต 2.ร่วมกันล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยไม่ได้รับอนุญาต 3.ร่วมกันล่าสัตว์ป่าคุ้มครอง โดยไม่ได้รับอนุญาต 4.ร่วมกันมีไว้นครอบครองซึ่งซากสัตว์ป่า 5.ร่วมกันซ่อนเร้นช่วยพาเอาไปเสีย หรือรับไว้ด้วยประการใดๆซึ่งซากของสัตว์ป่า อันได้มาโดยกระทำผิดกฎหมาย 6.ร่วมกันเก็บหาของป่าในเขตป่าสงวนแห่งชาติ โดยไม่ได้รับอนุญาต
        ซึ่งล่าสุด ศาลได้อ่านคำพิพากษาคดีดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว ปรากฏว่า นายเปรมชัย กรรณสูตร จำเลยที่1ถูกลงโทษข้อหาร่วมกันพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตจำคุก 6 เดือน ข้อหาเป็นผู้สนับสนุนให้ผู้อื่นล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าจำคุก 8 เดือน ข้อหาร่วมกันมีซากสัตว์ป่าคุ้มครองไก่ฟ้าหลังเทาไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุก 2 เดือน รวมจำคุก 16 เดือน ไม่รอลงอาญา แต่ยกฟ้องในข้อหาร่วมกันเก็บหาของป่าในเขตป่าสงวนแห่งชาติและข้อหาร่วมกันมีซากสัตว์ป่าคุ้มครอง เสือดำ
         ขณะที่จำเลยที่ 2 คือนายยงค์ โดดเครือ ศาลพิพากษาลงโทษข้อหาร่วมกันมีอาวุธปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจำคุก 3 เดือน ข้อหาร่วมกันพาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุก 6 เดือน ข้อหาร่วมกันมีซากสัตว์ป่าคุ้มครองเสือดำไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุก 4 เดือน รวมโทษจำคุก 13 เดือน ไม่รอลงอาญา แต่ยกฟ้องข้อหาร่วมกันล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าข้อหาร่วมกันเก็บหาของป่าในเขตป่าสงวนแห่งชาติ
          จำเลยที่ 3 นางนที เรียมแสน ศาลพิพากษาลงโทษข้อหาร่วมกัน มีซากสัตว์ป่าคุ้มครองเสือดำ ไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุก 4 เดือนและปรับ 10,000 บาท โทษจำคุกให้รอลงอาญา 2 ปี และยกฟ้องข้อหาร่วมกันมีอาวุธปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ข้อหาร่วมกันพาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต ข้อหาร่วมกันพาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุสมควร
          จำเลยที่ 4 นายธานี ทุมมาศ ศาลพิพากษาลงโทษข้อหาร่วมกันมีอาวุธปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุก 3 เดือน ข้อหาร่วมกันมีซากสัตว์ป่าคุ้มครองเสือดำไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจำคุก 4 เดือน ข้อหาร่วมกันพาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาต จำคุก 6 เดือน ข้อหาพยายามล่าสัตว์ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าจำคุก 4 เดือน ข้อหาล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า จำคุก 1 ปี ข้อหาเก็บหาของป่าในเขตป่าสงวนแห่งชาติจำคุก 1 ปี รวมจำคุก 2 ปี 17 เดือนไม่รอลงอาญา พร้อมกันนี้ศาลได้มีคำพิพากษาในส่วนของค่าเสียหายทางแพ่งให้จำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 4 ร่วมกันชำระค่าเสียหายจำนวน 2 ล้านบาทพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับตั้งแต่วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2561 เป็นต้นไป จนกว่าจะชำระแก่กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืชเรียบร้อย
          หลังศาลอ่านคำพิพากษาเสร็จเรียบร้อย นายวิเชียร ชิณวงษ์ หัวหน้าเขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรฝั่งตะวันตก กล่าวว่า ยังคงเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม เชื่อมั่นว่าเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการยุติธรรมมีความยึดมั่นในจรรยาบรรณวิชาชีพ ในวันนี้เราสามารถคงความยุติธรรมให้กับเสือดำที่ตายไป ขอฝากบอกถึงพี่น้องประชาชนชาวไทยทุกคนที่ติดตามคดีนี้ ที่มีหลายคนอาจสงสัยว่ากฎหมายจะเอาผิดกับผู้มีอำนาจทางการเงินได้หรือไม่ วันนี้ศาลได้พิสูจน์ให้กระจ่างแล้ว โดยส่วนตัวตนเองพอใจคำพิพากษาของศาลในวันนี้ แต่ว่าคงต้องรายงานและขอคำปรึกษากับผู้บังคับบัญชาและทางท่านอัยการว่าจะดำเนินการต่อไปอย่างไร
          ด้านนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร อดีตหัวหน้าชุดพญาเสือ ได้กล่าวว่า วันนี้ศาลได้อ่านคำพิพากษาออกมา ผลออกมาเป็นที่น่าพอใจมากกว่าที่ทางฝ่ายตนได้คาดการณ์ไว้ ทั้งนี้ อยากฝากถึงพี่น้องประชาชนว่าวันนี้ทรัพยากรป่าไม้และสัตว์ป่าถูกทำลายมาเยอะ คำพิพากษาในวันนี้ถือเป็นบทเรียนไม่ว่าจะเป็นคดีหมีขอรวมถึงคดีเก่าในอดีตที่มีข้าราชการไปเกี่ยวข้องกับการล่าสัตว์ป่า ขอขอบคุณกำลังใจจากทุกคนที่มีให้กับเจ้าหน้าที่ผู้พิทักษ์ผืนป่า ในส่วนของการฟ้องแพ่งในวันนี้ศาลได้สั่งให้จำเลยที่หนึ่งและจำเลยที่สี่ร่วมกันชำระในคดีแพ่งจำนวนสองล้านบาทซึ่งมากกว่าที่ตนเองคาดการณ์เอาไว้

CATEGORIES
Share This

COMMENTS

error: Content is protected !!