ชุมพร-แห่งแรกภาคใต้โรงพยาบาลที่ใช้โชล่าเซลในการแพทย์

ชุมพร-แห่งแรกภาคใต้โรงพยาบาลที่ใช้โชล่าเซลในการแพทย์

ภาพ/ข่าว:ทนงศักดิ์ ศุการ

แห่งแรกภาคใต้โรงพยาบาลที่ใช้โชล่าเซลในการแพทย์

         เมื่อเวลา 9.30น.ของวันที่8 สิงหาคม 2562 ที่โรงพยาบาลหลังสวน อ.หลลังสวน ชุมพร ภาคประชาชนในอำเภอหลังสวนจังหวัดชุมพรขับเคลื่อนความเป็นธรรมทางพลังงานโดยเข้าร่วมกิจกรรมอบรมความรู้เรื่องระบบการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์และปฏิบัติการติดตั้งระบบโซลาร์รูฟท็อปขนาด 30 กิโลวัตต์ให้กับโรงพยาบาลหลังสวน
          การติดตั้งระบบโซลาร์รูฟท็อปครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของปฏิบัติการช่วงแรกของกองทุนแสงอาทิตย์(Thailand Solar Fund) [2] ที่ใช้เงินบริจาคจากประชาชนทั้งหมดเพื่อสร้างการพึ่งพาตนเองด้านพลังงานให้กับโรงพยาบาลของรัฐ 7 แห่ง ด้วยการผลิตไฟฟ้าจากโซลาร์รูฟท็อปในระบบออนกริดหรือระบบที่ไม่ใช้แบตเตอรี่สำรองแต่ยังเชื่อมต่อระบบกับการไฟฟ้า โดยที่โรงพยาบาลหลังสวนจะเป็นโรงพยาบาลแสงอาทิตย์แห่งแรกของภาคใต้และแห่งที่ 2 ของกองทุนแสงอาทิตย์
           นายแพทย์ศักดิ์สิทธิ์ มหารัตนวงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลหลังสวน จ.ชุมพร กล่าวว่า “ทางโรงพยาบาลมีศักยภาพในการติดตั้งโซลาร์รูฟท็อป โดยมีอาคารบริการของโรงพยาบาลที่มีความเหมาะสมในการติดตั้งและลงทุน มีบุคลากรที่ทำงานซ่อมบำรุงที่จะสามารถเข้าร่วมอบรมเพื่อพัฒนาทักษะในการร่วมติดตั้งและดูแลรักษาอีกราว 8 คน โรงพยาบาลมีนโยบาย และคณะกรรมการบริหารโรงพยาบาลมีความมุ่งมั่นในการประหยัดพลังงานและการพึ่งพาตนเองด้านพลังงาน การระดมทุนเพื่อติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปให้กับโรงพยาบาลจะช่วยลดภาระค่าไฟให้กับโรงพยาบาล และหากมีมาตรการประหยัดพลังงานและการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพร่วมด้วยจะช่วยให้ลดภาระค่าไฟฟ้าได้เพิ่มขึ้นอีก”

           โรงพยาบาลหลังสวน เป็นโรงพยาบาลชุมชนขนาดใหญ่ขนาด 120 เตียง รับผิดชอบประชาชนอำเภอหลังสวนและอำเภอใกล้เคียงในจังหวัดชุมพรไม่น้อยกว่า 150,000 คน และรับส่งต่อผู้ป่วยจากโรงพยาบาลชุมชนในโซนใต้ของจังหวัดชุมพร ประกอบด้วยโรงพยาบาลละแม โรงพยาบาลพะโต๊ะ โรงพยาบาลทุ่งตะโก และโรงพยาบาลปากน้ำหลังสวน ด้วยขีดจำกัดทางด้านงบประมาณและค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น ทางโรงพยาบาลหลังสวนจึงจำเป็นต้องลดค่าใช้จ่ายที่สามารถทำได้ อย่างเช่น การประหยัดพลังงานและการพึ่งพาตนเองด้านพลังงาน เนื่องจากปัจจุบันภาระค่าไฟฟ้าของโรงพยาบาลเฉลี่ยเดือนละราว 5 แสนบาท

           ทางด้านบุญยืน ศิริธรรมคณะกรรมการกองทุนแสงอาทิตย์ กล่าวว่า “ การบริจาคของประชาชนผ่านกองทุนแสงอาทิตย์เพื่อสนับสนุนให้โรงพยาบาลทั้ง7แห่งแรกของประเทศไทยสามารถติดตั้งโซลาร์เซลล์เพื่อผลิตไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ภายในปี2562นั้น ถือเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญยิ่งในการต่อกรกับอุตสาหกรรมเชื้อเพลิงฟอสซิลที่ผูกขาดอำนาจการจัดการพลังงาน เมื่อทุกหลังคาบ้านติดตั้งโซลาร์เซลล์แล้วนอกจากจะลดค่าบิลไฟฟ้าของครอบครัว ยังลดการนำเข้าเชื้อเพลิงฟอสซิลจากต่างประเทศอีกทั้งหายนะทางสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของทุกคน ประชาธิปไตยทางพลังงานย่อมจะเกิดเมื่อเราสามารถพึ่งพาตนเองด้านพลังงาน”

           ปฏิบัติการติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปของกองทุนแสงอาทิตย์ดำเนินควบคู่ไปพร้อมกับการขับเคลื่อนเพื่อความเป็นธรรมทางพลังงาน แม้ว่าประเทศไทยจะเป็นผู้นำการผลิตไฟฟ้าจากโซลาร์เซลล์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แต่จนถึงปัจจุบัน (พ.ศ.2562) มาตรการส่งเสริมการผลิตไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ในประเทศไทยเน้นไปที่ระดับกิจการ (utility scale) เช่น โซลาร์ฟาร์ม ซึ่งมีกลไกสนับสนุนผ่านการรับซื้อไฟฟ้าแบบ Feed-in Tariff [3]ในขณะที่ระบบ Net-metering ยังเป็นเพียงโครงการนำร่องโดยการติดตั้งโซลาร์รูฟที่ผลิตเพื่อใช้เองและเก็บข้อมูลเพื่อประเมินผลเพราะยังคงติดอยู่ที่ระเบียบการเชื่อมต่อโครงข่ายไฟฟ้าที่ไม่อนุญาตให้มีกระแสไฟฟ้าไหลย้อนเข้าสู่ระบบ ส่วนโครงการโซลาร์ภาคประชาชนตามแผนของกระทรวงพลังงานนั้นไม่ประสบผลสำเร็จ

สามารถติดตามข่าวสารอื่นๆได้ก่อนใครที่ https://www.siameagle.com
หรือ https://www.facebook.com/siameaglenews/

CATEGORIES
Share This

COMMENTS

error: Content is protected !!