ปทุมธานี-บาทแข็งสุดรอบ6ปี ทุบส่งออกติดลบร้องธปท. ลดดอกเบี้ยแก้ค่าบาทแข็งก่อนสายเกิน

ปทุมธานี-บาทแข็งสุดรอบ6ปี ทุบส่งออกติดลบร้องธปท. ลดดอกเบี้ยแก้ค่าบาทแข็งก่อนสายเกิน

ภาพ/ข่าว:อนันต์ วิจิตรประชา

บาทแข็งสุดรอบ6ปี ทุบส่งออกติดลบร้องธปท. ลดดอกเบี้ยแก้ค่าบาทแข็งก่อนสายเกิน

             วันที่ 28 มิถุนายน 2562 นายธีรวงศ์ สรรค์พิพัฒน์ เจ้าของธุรกิจส่งออกขยะรายใหญ่ของไทย ในพื้นที่จังหวัดปทุมธานี ได้เรียกร้องให้ธนาคารแห่งประเทศไทย เข้าแทรกแทรงค่าเงินบาทที่แข็งตัวไม่สะท้อนกับความเป็นจริง โดยใช้ Monetary Policy ไม่ว่าจะเป็นการลดดอกเบี้ย การซื้อ/ขายคืนพันธบัตรแบบทวิภาคี หรือวิธีอื่นใดเพื่อเพิ่มเงินเข้าไปในตลาดเงิน ทั้งยังเป็นการเสริมสร้างให้ภาคเอกชนมีสภาพคล่องมากขึ้นจากการลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ลดลงไปในทิศทางเดียวกับดอกเบี้ยนโยบาย (Policy rate) ซึ่งปัจจุบันประเทศไทยมีอัตรา 1.75% ซึ่งค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับญี่ปุ่นที่มีดอกเบี้ยนโยบายเพียง -0.1% เท่านั้น

              ภาคส่งออกของไทยติดลบถึง 5.8% ในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ซึ่งส่งออกติดลบเฉลี่ย5เดือนถึง 2.7% ทั้งยังได้ดุลการค้าเพียง 731 ล้านเหรียญสหรัฐซึ่งคิดเป็นปริมาณที่น้อยมากประมาณ 100,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ในรอบ5เดือนที่ผ่านมา ทั้งยังมีการคาดการณ์ส่งออกปีนี้โต 0% ซึ่งแปลว่าส่งออกปัจจุบันติดลบเฉลี่ยที่ 2.7% และ 5.8% ในเดือนพฤษภาคม จากปัญหาค่าเงินแข็ง ดังนั้นถ้าต้องการให้ส่งออกไม่ติดลบกลับไปที่เติบโต 0% เป็นเรื่องที่ยากมาก แทบเป็นไปไม่ได้ เพราะเราต้องการให้ส่งออกขยายตัวในขณะที่ค่าเงินบาทยังแข็งเป็นประวัติการณ์ กระทบทุกสินค้าส่งออก โดยเฉพาะภาคเกษตรยังติดลบ 1.4% การไหลเข้ามาของเงินในประเทศจึงเป็นคงามผิดปกติ ที่ไม่ควรปล่อยเวลาให้นานกว่านี้ในการแก้ไข และมีมาตราการจัดการแทรกแทรงค่าเงิน และป้องกันการเข้ามาเกร็งกำไรค่าเงินบาทก่อนจะสายเกินไป ขณะที่รัฐบาลยังจัดตั้งไม่ได้ ธนาคารแห่งประเทศเป็นผู้รับผิดชอบโดยตรงถึงการแก้ไขปัญหาดังกล่าว ไม่ควรนิ่งนอนใจ เราติดลบมา5.8% แล้วในเดือนที่ผ่านมา และมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นจากการแข็งขึ้นไปของค่าเงินบาทอีกในเดือนมิถุนายน ธปท.จึงควรดำเนินการแทรกแทรงค่าเงินอย่างเร่งด่วน ก่อนที่จะกระทบกับเศรษฐกิจในประเทศไปมากกว่านี้

              ทั้งนี้นายธีรวงศ์ยังฝากถึงรัฐบาล ข้าราชการ และนักการเมือง ว่าถ้าไม่สามารถช่วยสนับสนุนภาคธุรกิจเอกชนได้แล้วก็ไม่ควรเป็นภาระให้ภาคเอกชนในการดำเนินธุรกิจ

สามารถติดตามข่าวสารอื่นๆได้ก่อนใครที่ https://www.siameagle.com
หรือ https://www.facebook.com/siameaglenews/

CATEGORIES
Share This

COMMENTS

error: Content is protected !!