ประจวบคีรีขันธ์-ชาวบ้าน ขอสำนักชลประทานที่ 14 ลงพื้นที่แก้ปัญหา

ประจวบคีรีขันธ์-ชาวบ้าน ขอสำนักชลประทานที่ 14 ลงพื้นที่แก้ปัญหา

ภาพ/ข่าว:พันธุ์พงษ์ โพธิ์จินดา

ชาวบ้านตำบลห้วยทราย ขอสำนักชลประทานที่ 14 ลงพื้นที่ช่วยแก้ปัญหาการขาดแคลนน้ำ

         เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2562 ผู้สื่อข่าวรายงานจากสำนักงานชลประทานที่ 14 ตำบลวังก์พง อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ นายพรเทพ วิสุทธิ์วัฒนศักดิ์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ประจวบคีรีขันธ์ เขต 2 นายวิชิต ปลั่งศรีสกุล อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกสภาจังหวัด นายดิเรก จอมทอง คณะทำงานพรรคเพื่อไทย พร้อมตัวแทนประชาชนนำโดย นายปัญญา ศรีสุวรรณ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 13 บ้านหนองจับไก่ นายสมหมาย ชาญประเสริฐ อดีตนายกองค์การบริหารส่วนตำบลห้วยทราย และตัวแทนชาวบ้าน เพื่อรายงานและขอหารือกรณีประชาชนในหมู่บ้านขาดแคลนน้ำเพื่อการเกษตร น้ำประปาหมู่บ้าน(น้ำดิบ)ไม่เพียงพอและคุณภาพต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐาน สร้างความเดือดร้อนกับประชาชน เด็กนักเรียน และ ศาสนสถานต่อเนื่องนับสิบปี มีนายบุรีรัตน์ วงศ์บุรี รองผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 14 และคณะให้การต้อนรับ
           โดยนายปัญญา ศรีสุวรรณ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 13 แจ้งว่า ในหมู่บ้านของตน ใช้น้ำจากสระขนาดความจุ 3,000 และ 2,500 ลบ.ม.เป็นแหล่งน้ำดิบประปาหมู่บ้าน ทั้ง 2 สระไม่มีแหล่งน้ำต้นทุนจากลำห้วยไหลผ่านหมู่บ้านหรือไหลเข้าสระ หากไม่มีฝนตกน้ำจะแห้ง ตื้นเขิน เกิดปัญหาน้ำเน่าเสีย ระบบบำบัดเสียหาย มอเตอร์ปั๊มน้ำไหม้จากเหตุน้ำแห้งและสกปรก ไม่มีงบซ่อมแซม ทางกรมทรัพยากรน้ำเคยมาเจาะน้ำบาดาลให้ 3 บ่อ น้ำที่ได้เค็มไม่สามารถใช้ได้ ประชาชนเดือดร้อนต้องหาซื้อน้ำช่วยตัวเอง อีกหลายหมู่บ้านต่างประสบปัญหาในลักษณะเดียวกัน
           ส่วนนายสมหมาย ชาญประเสริฐ อดีตนายกอบต.ตำบลห้วยทราย กล่าวเพิ่มเติมว่า ตนอาศัยอยู่หมู่ 3 บ้านวังมะเดื่อ อยู่ติดกับหมู่ 13 ปัจจุบันใช้น้ำจากอ่างเก็บน้ำหุบไผ่ ซึ่งอยู่ลึกเข้าไปติดกับแนวเทือกเขาตะนาวศรี เป็นอ่างเก็บน้ำสะอาดที่กรมทรัพยากรน้ำมาสร้างไว้เมื่อปี 2557 ทางองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นผู้ดูแล ปกติจะมีน้ำตลอดทั้งปี ในหมู่ 13 เองก็มีสระเก็บน้ำอีก 2 สระ แต่ปัญหาคือ ไม่มีระบบส่งน้ำต่อไปยังหมู่บ้านอื่นๆ ที่อยู่ห่างไกลออกไป เพราะขาดงบประมาณที่จะดำเนินการ อยากให้ส่วนกลางพิจารณาโครงการสูบน้ำจากสระแห่งนี้ส่งต่อไปยังหมู่บ้านอื่นที่ขาดแคลน จะมีประโยชน์มาก
           นายวิชิต และคณะทำงานพรรคเพื่อไทย ได้ให้ข้อมูลว่า ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ตนและทีมงานได้ลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงและหารือกับทางสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัด พบว่าภูมิศาสตร์เขตตำบลห้วยทรายซึ่งติดชายเขาและฝั่งทะเล ไม่เหมาะในการเจาะน้ำบาดาลขึ้นมาใช้ พื้นที่มีความลาดเอียงสูง จึงไม่มีแหล่งอุ้มน้ำ หมู่บ้านใดมีลำคลอง หรือลำห้วยไหลผ่านก็มักขุดสระกักเก็บน้ำ หรือสร้างฝายกั้นน้ำไว้ใช้ในหมู่บ้านตัวเอง ส่วนที่อยู่ปลายน้ำหรือหมู่บ้านข้างเคียงจึงประสบปัญหาการขาดแคลน หากภาครัฐไม่รีบแก้ไข อนาคตจะต้องเกิดปัญหาการแย่งน้ำขึ้นอย่างแน่นอน การที่คณะฯ มาพบชลประทานที่ 14 ด้วยเห็นว่า เป็นหน่วยงานรัฐที่มีศักยภาพและความพร้อมสูงในการบริหารจัดการน้ำ จึงอยากขอความกรุณาและขอปรึกษาแนวทางการแก้ปัญหา เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่เกินกำลังความสามารถของหน่วยงานรับผิดชอบในพื้นที่
             นายพรเทพ ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัญหาแหล่งน้ำต้นทุนหรือแหล่งกักเก็บน้ำขนาดใหญ่ ถือเป็นเรื่องสำคัญมาก จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ มีพื้นที่ด้านตะวันออกติดชายฝั่งทะเลตลอดแนว ส่วนทิศตะวันตกก็ติดสันเขา การขยายตัวและการเพิ่มขึ้นของประชากรตามที่ราบชายฝั่งเกิดขึ้นตลอด ตนเกรงว่าแหล่งน้ำขนาดใหญ่ของแต่ละอำเภอจะมีปัญหาในอนาคตจึงอยากถามทางชลประทานที่ 14 ว่า 1.มีแผนที่จะขุดหรือสร้างแหล่งกักเก็บน้ำขนาดใหญ่เพิ่มขึ้นหรือไม่ หรือ 2.มีแผนที่จะขยายสระหรือเพิ่มความจุน้ำในเขื่อนที่มีอยู่แล้วในแต่ละอำเภอหรือไม่

              ภายหลังการรับฟังข้อมูลในพื้นที่ นายบุรีรัตน์ วงศ์บุรี ได้ชี้แจงว่าในระยะ 5 ปีนี้ ทางสำนักงานชลประทานที่ 14 ยังไม่มีแผนในการสร้างอ่างเก็บน้ำหรือเขื่อนขนาดกลางใดๆ ในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เข้าใจและเห็นใจประชาชนตำบลห้วยทราย ปัญหาความเดือดร้อนจากการใช้น้ำเกิดได้หลายสาเหตุ บางแห่งหน่วยงานกลางสร้างแหล่งเก็บน้ำแล้วมอบให้ท้องถิ่น ก็มีปัญหาเรื่องงบประมาณดูแล บางแห่งประชาชนขาดความเข้าใจการใช้น้ำอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งอาจต้องแก้ไขและสร้างความเข้าใจให้ประชาชนรู้จักบริหารการใช้น้ำอย่างคุ้มค่า จากนี้ไปขอให้ผู้เกี่ยวข้องพื้นที่ทำหนังสือส่งขึ้นมาที่สำนักชลประทานที่ 14 เพื่อให้การทำงานเข้าสู่ขบวนการ ศึกษา – สำรวจ – ออกแบบ เมื่อได้ข้อสรุปซึ่งอาจออกมาเป็นการทำโครงการก่อสร้างแหล่งเก็บน้ำและระบบส่งขึ้นมาใหม่ หรืออาจเป็นเรื่องของการปรับปรุงจากโครงการเดิมที่มีอยู่แล้ว ทั้งนี้ต้องใช้เวลาในการศึกษาอีกระยะหนึ่ง

              หลังการชี้แจงและซักถามรายละเอียดต่างๆ ประมาณ 2 ชั่วโมง นายพรเทพ วิสุทธิ์วัฒนศักดิ์ และนายวิชิต ปลั่งศรีสกุล ได้กล่าวขอบคุณทางสำนักงานชลประทานที่ 14 ที่เปิดโอกาสให้ตัวแทนประชาชนได้เข้าหาเพราะปัญหาที่สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนมานาน นายพรเทพ ยังได้กล่าวเน้นย้ำต่อที่ประชุมว่า ในส่วนของภาคการเมือง ตนและทีมงานยินดีให้ความร่วมมือกับสำนักชลประทานที่ 14 เพื่อให้การสนับสนุน พร้อมจะประสานงานกับผู้เกี่ยวข้องอย่างเต็มที่ เพื่อประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก

สามารถติดตามข่าวสารอื่นๆได้ก่อนใครที่ https://www.siameagle.com
หรือ https://www.facebook.com/siameaglenews/

CATEGORIES
Share This

COMMENTS

error: Content is protected !!