ปราจีนบุรี-ภัยแล้งจัด!เกิดดินริมแม่น้ำสไลด์ตัวจนเครื่องสูบหล่นลงแม่น้ำปราจีนฯ
ภาพ/ข่าว:มานิตย์ สนับบุญ
ภัยแล้งจัด!เกิดดินริมแม่น้ำสไลด์ตัวจนเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่หล่นลงแม่น้ำปราจีนฯ ชาวนาข้าวบ้านสร้างเดือดร้อนหนัก!
หลังแล้งจัด!เกิดดินริมตลิ่งแม่น้ำสไลด์ตัวจนเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่หล่นจมลงแม่น้ำปราจีนฯ ชาวนาข้าว ต.บางยาง อ.บ้านสร้าง เดือดร้อนหนัก!นาข้าวที่กำลังให้ผลิตตั้งท้อง – ออกรวงมากเกินกว่า 1,000 ไร่ น้ำตามแหล่งกักเก็บตามคู,คลอง,หนองน้ำเริ่มแห้งขาดแคลนอย่างหนัก ! วอนขอให้เขื่อนนฤบดินทรจินดาเร่งปล่อยน้ำต่อเนื่องผลักดันน้ำเค็มยาวถึง ก.พ. เพื่อให้ผลผลิตไม่เสียหาย
วันนี้ 13 ม.ค.63 ผู้สื่อข่าว จ.ปราจีนบุรี รายงานจากกรณี ผู้ใช้เฟสบุ๊ค คือนายพยนต์ พฤกษา อายุ 57 ปี กำนัน ต.บางยาง อ.บ้านสร้าง จ.ปราจีนบุรี ได้โพสต์ภาพ พร้อมระบุข้อความว่า “ เกิดเหตุสถานีสูบน้ำพลังไฟฟ้าบ้านหัวสะแก หมู่ 2 ตำบลบางยาง อำเภอบ้านสร้าง จังหวัดปราจีนบุรี วันที่ 11 มกราคม 2563 โรงสูบน้ำที่อยู่ริมแม่น้ำปราจีนบุรี ตลิ่งทรุดเกิดเลื่อนตัวทรุดลงแม่น้ำ ทำให้เครื่องสูบน้ำใช้การไม่ได้ ขณะเกิดเหตุ เครื่องสูบน้ำไม่ได้ทำงาน ไม่มีคนอยู่ เหตุทำให้เสาไฟฟ้าหัก 1 ต้น เครื่องสูบน้ำนี้ปกติจะสูบน้ำให้กับเกษตรกรทุกๆเช้า จนถึงเวลา 22.00 น. และยังจำเป็นที่จะต้องสูบน้ำให้กับเกษตรกรอีกหลายวัน…
บริเวณดังกล่าวเป็นช่วงโค้งริมแม่น้ำปราจีนบุรี ช่วงหน้าแล้ง ได้ทรุดตัว ดินสไลด์ลงในแม่น้ำ ที่ผ่านมาพื้นที่ อ.บ้านสร้าง มีภาวะน้ำเค็มหนุนจากปากอ่าวไทยขึ้นมาถึง ต.บางแตน ล่าสุดน้ำเค็มได้หนุนต่อเนื่องขึ้นมาถึง ต.บางยาง ช่วงภาวะน้ำขึ้น ระดับค่าความเค็มประมาณ 2 มก./ล.ไม่สามารถใช้ประโยชน์ทางการเกษตรได้จากที่เครื่องสูบน้ำสไลด์ตัวทรุดลงไปในแม่น้ำส่งผลให้ประปาหมู่บ้าน 2-3 แห่ง ได้รับผลกระทบ แต่ที่เดือดร้อนมากโดยเฉพาะชาวนาข้าว ไม่มีเครื่องสูบน้ำเพื่อสูบน้ำเข้านา หรือ สระ,คูน้ำในการหล่อเลี้ยงต้นข้าวที่น้ำในคลองซอย,แหล่งน้ำเริ่มแห้งไม่พอเพียงสำหรับชาวนา สำหรับเครื่องสูบน้ำที่ล่วงลงไปในแม่น้ำล่าสุดตอนนี้ใช้รถแบคโครยกเครื่องและอุปกรณ์ต่างๆขึ้นไว้เรียบร้อยแล้ว…
ความคืบหน้า ผู้สื่อข่าว ได้ลงพื้นที่พบผู้นำท้องถิ่นประกอบด้วย นายพยนต์ พฤกษา อายุ 57 ปี กำนัน ต.บางยาง, นายฐานะ อยู่คง อายุ 65 ปี ชาวนาข้าวหมู่ 1 ตำบลบางแตน, ร.ต.ต .ชัง คงบุญ อายุ 89 ปี อดีตข้าราชการตำรวจ(บำนาญ) หมู่ 5 ต. บางยาง ,นายประสิทธิ์ ศิลาวงศ์ อายุ 53 ปีเลขที่ 1/1 ต.บางยาง , นายผ่อน คงบุญ อายุ 77 ปี ชาวนา หมู่1 ต. บางยาง
นายพยนต์ พฤกษา อายุ 57 ปี กำนัน ต.บางยาง กล่าวว่า “วันนี้ชาวบ้านบอกว่าบริเวณหน้าวัดบางแตนวัดค่าระดับความเค็มที่หนุนในแม่น้ำปราจีนบุรีได้ 6 มก./ล. ส่วนบริเวณ หน้าวัดบางยางระดับค่าความเค็มประมาณ 1-2 มก./ล. คาดว่าความเค็มจะเพิ่มขึ้นทุกๆวัน เนื่องจากเขื่อนนฤบดินทรจินดา คงจะปล่อยระบายน้ำมาน้อย เพื่อที่จะให้มีน้ำในเขื่อนไว้ปล่อยไล่น้ำเค็มไม่ให้ถึงตัวเมืองปราจีนบุรีย่านเศรษฐกิจ – รพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศรที่ใช้ล้างเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์หรือคนไข้ฟอกไต,เพื่อเป็นแหล่งน้ำไว้ผลิตน้ำประปา ถ้าระดับค่าความเค็มในแม่น้ำ ระดับ3 มก./ล.ขึ้นไปจะทำให้ข้าวและพืชเสียหายถึงตายไม่สามารถผลิตประปา-ใช้อุปโภค-บริโภคไม่ได้ และชาวนาส่วนใหญ่จำเป็นจะต้องสูบน้ำเข้านาตลอดแม่น้ำ
เพราะต้นข้าวที่ปลูกไว้ยังต้องการน้ำ ส่วนใหญ่จะต้องใช้น้ำถึงวันที่ 20 มกราคม2563 ไปแล้ว คาดว่าต้นเดือนกุมภาพันธ์ชาวนาจะเริ่มเก็บเกี่ยวข้าวเบา (ข้าวที่มีอายุสั้น 85-95 วัน) ส่วนใหญ่ฤดูทำนาช่วงนี้ชาวนาจะทำข้าวหนัก(ข้าวอายุยาว 100-120 วัน) เพราะเป็นข้าวที่ให้ผลผลิตดีราคาสูง ทนทานต่อโรคต่างๆของข้าวและแมลง และทนสภาพอากาศหนาว และได้การรับรองจากกรมวิชาการเกษตรให้ขึ้นทะเบียนเกษตรได้ ทำให้ชาวนาทำข้าวหนักคิดเป็นร้อยละ 80%ของพื้นที่ที่ต้องใช้น้ำ หากขาดเมล็ดจะลีบเล็กให้ผลผลิตไม่เต็มที่ ขายได้ในราคาผลผลิตตกต่ำ
จึงมีความต้องการ ที่อยากขอให้ทางเขื่อนนฤบดินทรจินดา ได้ปล่อยน้ำให้กับเกษตรกร ในช่วงดังกล่าว เพื่อชาวนาจะได้เร่งสูบน้ำกักเก็บตามสระ –คูข้างนาข้าว ใช้ในหล่อเลี้ยงนาข้าวให้กับเกษตรกรที่ช่วงน้ำเค็มหนุนนี้ด้วยและช่วยผลักดันน้ำเค็มไม่ให้หนุนสูงขึ้นมาได้รวดเร็วได้ในระดับหนึ่ง”นายพยนต์กล่าว และกล่าวต่อไปว่า “พร้อมอยากขอให้มีการกำจัดวัชพืช ในคลองชลประทานต่าง ๆ ของ อ.บ้านสร้างที่ปิดขวางทางเดินน้ำในคลองชลประทานด้วย หากทางหน่วยงานปล่อยน้ำจืดผ่านคลองชลประทานต่าง ๆ น้ำจะได้มาช่วยเหลือชาวนาข้าวได้อย่างทั่วถึงไม่ติดขัด”นายพยนต์กล่าว ด้านนายประสิทธิ์ ศิลาวงศ์ อายุ 53 ปี กล่าวว่า “ตนเองทำนาข้าว มากกว่า 60 ไร่ หลังจากเครื่องสูบน้ำถูกดินสไลด์ตกลงไปในแม่น้ำปราจีนบุรี ไม่สามารถสูบน้ำจากแม่น้ำขึ้นมาหล่อเลี้ยงต้นข้าวที่กำลังออกรวง ปีนี้น้ำเค็มหนุนมาเร็วกว่าในทุก ๆ ปี
ดังนั้น ก็จะต้องหาเครื่องสูบน้ำขนาดเล็กมาช่วยตัวเองก่อนต่อไป ก่อนที่น้ำเค็มจะหนุนสูงจนไม่สามารถใช้ทางการเกษตรได้ ที่ผ่านมาจากที่ได้สูบกักเก็บไว้ริมคันคลอง-คูน้ำ น้ำได้แห้งลดอย่างรวดเร็วเนื่องจากความแล้ง –ร้อน หากขาดน้ำเมล็ดข้าวจะให้ผลผลิตเต็มที่ โดยจะลีบเล็ก ขายได้ราคาต่ำ โดยที่ผ่านมาขายได้ราคา 6,500 บาท / ตัน ซึ่งราคาค่อนข้างต่ำอยู่แล้ว อยากขอให้ทางกรมชลประทาน โดยทางเขื่อนนฤบดินทรจินดาปล่อยน้ำ เพิ่มปริมาณลงมาผลักดันไล่น้ำเค็มที่กำลังหนุนในแม่น้ำปราจีนบุรี ขึ้นช้ากว่าปกติจนกว่าชาวนาจะเก็บเกี่ยวข้าวเสร็จประมาณเดือน ก.พ.63 ทั้งนี้ชาวนาในทุ่งบางยางมีมากกว่า 1,000 ไร่เศษ และ ที่เหลือยังเป็นเกษตรชาวนาในตำบลอื่นของ อ.บ้านสร้าง อาทิ ตำบล บ้านสร้าง , บางกระเบา , บางเตย , บางแตน , บางพลวง , บางปลาร้า , บางขาม , กระทุ่มแพ้ว”นายประสิทธิ์ กล่าว
ขณะที่ นายฐานะ อยู่คง อายุ 65 ปี กล่าวว่า “สาเหตุการที่น้ำเค็มปากปากอ่าวไทยหนุนเข้าสูแม่น้ำปราจีนบุรีรวดเร็วกว่าทุกปีอย่างหนึ่งคือ ได้มีการปิดบานประตูระบายน้ำทุแห่ง ตั้งแต่ จ.ฉะเชิงเทรา,อ.บ้านสร้าง จ.ปราจีนบุรี เพื่อป้องกันน้ำในแม่น้ำหนุนเข้าไปได้ การชะลอหรือผลักดันน้ำเค็มดังกล่าวไม่ให้หนุนรวดเร็วในหน้าแล้งคือเพิ่มปริมาณน้ำที่ใช้ผลักดันจากเขื่อนนฤบดินทรจินดา และ จากเขื่อนขุนด่านปราการชล จะช่วยเกษตรกรได้ระดับหนึ่ง”นายฐานะกล่าว
ด้าน ร.ต.ต .ชัง คงบุญ อายุ 89 ปี กล่าวว่า “สำหรับน้ำประปา ทาง ต.บางยางมีสระน้ำ รวม 3 สระ หากเกษตรกรชาวนาข้าวไม่เห็นแก่ตัว สูบน้ำใช้ในนาข้าวมากเกินไป สามารถมีให้บริการประชาชนเพียงพอ”ร.ต.ต .ชังกล่าว ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติม จากที่มีภาวะน้ำเค็มหนุนในแม่น้ำปราจีนบุรีขึ้นมาสูงถึง 2 ตำบลคือ ต.บางแตน,ต.บางยาง อ.บ้านสร้าง นี้ พบร้านค้าจำหน่ายน้ำดื่ม ได้สั่งน้ำดื่มมาจำหน่ายให้ชาวบ้านจำนวนมาก และพบน้ำดื่มสะอาดขายดีมากในช่วงนี้ ในส่วนชาวนาข้าวโดยเฉพาะ ตำบลบางยางหลังเครื่องสูบน้ำพลังไฟฟ้า ดินริมตลิ่งแม่น้ำปราจีนบุรีทรุดตัวในหน้าแล้ง นาข้าวที่กำลังให้ผลิตตั้งท้อง –ออกรวง น้ำที่ชาวนาสูบกักเก็บไว้ตามคู,คลอง,หนองน้ำเริ่มขาดแคลนอย่างหนักรอการแก้ไขต่อไป
สามารถติดตามข่าวสารอื่นๆได้ก่อนใครที่ https://www.siameagle.com
หรือ https://www.facebook.com/siameaglenews/