ปราจีนบุรี-19 สมาชิกวุฒิสภา(สว.) ลงพื้นที่ พร้อมหนุนเมืองสมุนไพรสู่ระดับโลก

ปราจีนบุรี-19 สมาชิกวุฒิสภา(สว.) ลงพื้นที่ พร้อมหนุนเมืองสมุนไพรสู่ระดับโลก

ภาพ/ข่าว:มานิตย์ สนับบุญ

        19 สมาชิกวุฒิสภา(สว.) ลงพื้นที่จังหวัดปราจีนบุรี รับฟังสภาพปัญหาผลกระทบอุทกภัยและน้ำทะเลหนุนแม่น้ำปราจีนบุรี พร้อมหนุนเมืองสมุนไพรสู่ระดับโลกและเตรียมปลดล็อคกัญชา-กระท่อม ออกจาก พรบ.ยาเสพติด

         วันนี้(29 ส.ค.2562)เวลา 09.00 น. ที่โรงพยาบาลเจ้พระยาอภัยภูเบศร ตำบลท่างาม อำเภอเมือง จังหวัดปราจีนบุรี นายพิบูลย์ หัตถกิจโกศล ผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี ให้การต้อนรับและบรรยายสรุปข้อมูลจังหวัดปราจีนบุรี ให้กับคณะสมาชิกวุฒิสภา จำนวน 19 คน โดยมีพลเอกวรพงษ์ สว่างเนตร สมาชิกวุฒิสภาประธานกลุ่มรับผิดชอบภาคตะวันออกได้รับฟังและสรุปวัตถุประสงค์ บทบาท หน้าที่และอำนาจของวุฒิสภาตามรัฐธรรมนูญฯ โครงการสมาชิกวุฒิสภาพพบประชาชนในพิ้นที่จังหวัดภาคตะวันออก ระหว่างวันที่ 29-30 สิงหาคม 2562
         คณะกรรมการโครงการสมาชิกวุฒิสภาพบประชาชนในพื้นที่จังหสัดภาคตะวันออก ได้ให้ความสนใจประเด็นปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นในพื้นที่และมีผลกระทบต่อประชาชน อาทิ ปัญหาอุทกภัยและน้ำทะเลหนุนแม่น้ำปราจีนบุรีประเด็นเกี่ยวกับการขยายพื้นที่ โครงการเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก(EEC – E astern Economic Corridor)ให้ครอบคลุมจังหวัดปราจีนบุรี และประเด็นเกี่ยวกับการควบคุมและกำกับดูแลการดำเนินการเรื่อง กัญชา ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ(ฉบับที่7) พ.ศ.2562 ซึ่งจังหวัดปราจีนบุรี โดยโรงพยาบาลอภัยภูเบศรได้ดำเนินงานมาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานาน แต่ยังติดขัดในข้อกฎหมายบางประการซึ่งจะต้องได้รับการแก้ไขให้สอดคล้องกับแนวการรักษาทางการแพทย์อย่างแท้จริง อย่างไรก็ตาม มูลนิธิอภัยภูเบศรที่คิดค้นและผลิตภัณฑ์สมุนไพรให้บริการกับประชาชนยังประสบปัญหาขาดทุนมาโดยตลอด ทำให้ขาดเงินทุนมาทำการศึกษา ค้นคว้า วิจัย ต่อยอดสมุนไพรที่มีอยู่ที่จะนำไปขึ้นทะเบียนเป็นทรัพย์สินภูมิปัญญา หรือ ลิขสิทธิ ล่าช้าออกไปด้วย
           อย่างไรก็ตาม จังหวัดปราจีนบุรีได้บูรณาการทุกภาคส่วนขับเคลื่อนการพัฒนาเกษตรอินทรีย์ให้บรรลุเป้าหมายอาจสำเร็จได้ยากหากขาดการเชื่อมโยงกับภาคีเครือข่าย จึงได้กำหนดแนวทางให้ภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วมในการสนับสนุนกลุ่มเกษตรกรผู้ทำการผลิตเกษตรอินทรีย์ เชื่อมโยงให้สอดคล้องกันให้ตลอดห่วงโซ่อุปทาน ปัจจุบันจังหวัดปราจีนบุรี มีพื้นที่เกษตรอินทรีย์ ประมาณ 5,000 ไร่ ชนิดสินค้าอินทรีย์ที่สำคัญ ได้แก่ พืชผัก สมุนไพร ผลไม้ ข้าว และสัตว์น้ำจืด จากความสำคัญของการส่งเสริมพื้นที่การเกษตรด้านเกษตรอินทรีย์ โดยมีแผนเพิ่มพื้นที่เกษตรอินทรีย์ในจังหวัดเป็น 15,000 ไร่ ภายในปี 2564 ดังนี้คือ ปี 2562 จำนวน 3,000 ไร่ ,ปี 2563 จำนวน 3,000 ไร่, ปี 2564 จำนวน 4,000 ไร่ เพื่อนำผลผลิตป้อนให้กับโรงพยาบาลอภัยภูเบศรอีกทางหนึ่ง ตามลำดับต่อไป
          ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมต่อไปว่า พร้อมกันนี้ สมาชิกวุฒิสภา(สว.) 19 คน พร้อมคณะ ยังเดินทางมายังโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร จ.ปราจีนบุรี เพื่อติดตามปัญหาการดำเนินงานของจังหวัด และ ดูงานด้านกัญชาในฐานะได้รับอนุญาตให้เป็นหน่วยงานที่สามารถ ปลูก ผลิต และจำหน่าย (เพื่อการรักษา) ยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 5 กัญชา
           ภายใต้โครงการสมาชิกวุฒิสภาพบประชาชน ในพื้นที่จังหวัดภาคตะวันออก โดย ภญ.ดร.สุภาภรณ์ ปิติพร ประธานยุทธศาสตร์การแพทย์แผนไทยและสมุนไพร โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ได้บรรยายสรุปให้กลุ่ม สว.ฟัง ถึงดำเนินโครงการกัญชาโมเดล “โดยสถานการณ์ทั่วไปของ รพ.รัฐ คือขาดทุน ทำให้เป็นปัญหาต่อการพัฒนา ทำให้จัดตั้งมูลนิธิขึ้นมา ทำการพัฒนายาสมุนไพรขาย แบ่งกำไร 70% หรือกว่า 30 ล้านบาท/ปี ให้กับ รพ.

           โดยเป้าหมายของอภัยภูเบศร คือการช่วยสังคม ช่วยแก้ปัญหาของประชาชน การพัฒนาสมุนไพรที่ผ่านมาทั้งหมด เกิดจากการต้องการแก้ปัญหาให้ประชาชน เช่นเดียวกับ กัญชาทางการแพทย์ การขับเคลื่อนสร้างโมเดลด้านนี้ขึ้นมา เนื่องจากประชาชนขาดที่พึ่ง และเกิดกระแสการใช้กัญชาในการรักษาโรคที่ผิด และมองเห็นว่าเป็นโอกาสในการขับเคลื่อนการพัฒนาเพื่อแก้วิกฤติของประเทศได้ จึงเริ่มทำการศึกษาข้อมูล วางระบบตั้งแต่การคัดเลือกสายพันธุ์ การปลูก การสกัด และจัดตั้งคลินิกกัญชาทางการแพทย์ที่ถูกต้องตามกฎหมายเป็นแห่งแรกในอาเซียน และเชื่อว่าหากเราสร้างระบบที่ดี กัญชาทางการแพทย์จะเป็นที่พึ่งของโลกได้”

           ทั้งนี้ สว.ที่เข้าร่วมประชุม ได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็น โดยสรุปว่า ต้องให้เครดิตรัฐบาลที่ผลักดันให้คลายล็อคกัญชา เนื่องจากนายกรัฐมนตรีมองว่าเป็นประโยชน์กับประชาชน อย่างไรก็ตามขณะนี้ยังไม่มีกฎหมายนำเข้าส่งออกกัญชา มีเพียงประกาศของกระทรวงเท่านั้น

            คาดว่าเร็ว ๆ นี้จะมีกฎกระทรวงมาบังคับใช้ และเมื่อนั้นเงื่อนไขและข้อติดขัดต่าง ๆ น่าจะคลี่คลายได้ในแง่ของวัตถุดิบ นอกจากนี้ยังเชื่อว่าอีกไม่นานภาคประชาชนก็น่าจะเสนอการปลดล็อคกระท่อม พืชเป็นยาอีกชนิดที่มีประโยชน์ในทางการแพทย์สูง ซึ่งก็ต้องดูว่าจะทำอย่างไรต่อไป โดยดูเรื่องความเหมาะสมทางด้านสังคม และกฎหมาย ความปลอดภัย และความคุ้มค่าต่อการลงทุนเป็นหลัก

สามารถติดตามข่าวสารอื่นๆได้ก่อนใครที่ https://www.siameagle.com
หรือ https://www.facebook.com/siameaglenews/

CATEGORIES
Share This

COMMENTS

error: Content is protected !!