ราชบุรี-มหาวิทยาลัยดังยอมให้ชาวบ้านร่วมใช้พื้นที่
ภาพ/ข่าว:สุจินต์ นฤภัย (เต้)
มหาวิทยาลัยดังยอมให้ชาวบ้านร่วมใช้พื้นที่ หลังชาวบ้านยื่นเรื่องขอคืนพื้นที่ป่า
เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 25 ก.ค. 62 ตัวแทนชาวบ้านจาก 15 หมู่บ้าน ในพื้นที่ตำบลรางบัว อ.จอมบึง จ.ราชบุรี กว่า 100 คน ได้เดินทางมารวมตัวกับที่บริเวณสำนักงานองค์การบริหารส่วนตำบลรางบัว เพื่อมารอรับฟังผลการประชุมในกรณีที่ชาวบ้านนั้น ได้ยื่นขอคืนพื้นที่ป่าชุมชน(สาธารณประโยชน์)จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยี พระจอมเกล้า ธนบุรี วิทยาเขตราชบุรี ที่มาขอใช้พื้นที่ป่าจำนวน 1, 117 ไร่ ซึ่งอยู่ตรงบริเวณหมู่ 1 บ้านรางอาว ต.รางบัว ในการก่อสร้างมหาวิทยาลัยฯ โดยพื้นที่นั้นถูกแบ่งเป็นสองแปลงโดยมีถนนสายจอมบึง –สวนผึ้ง กั้นกลาง ซึ่งด้านซ้ายนั้นทางมหาวิยาลัยฯได้ทำการก่อสร้างตัวอาคารเรียน และอาคารสำนักงาน ส่วนด้านขวานั้นทางมหาวิทยาลัยฯได้มาทำการก่อสร้างสนามกีฬาไว้เพื่อใช้ในกิจกรรมของมหาวิทยาลัยฯ และยังคงสภาพผืนป่าอยู่มาก ทำให้ชาวบ้านนั้นได้เข้าไปเก็บหาของป่า และช่วยกันดูแลรักษาป่า แต่ก็ถูกทางเจ้าหน้าที่มหาวิทยาลัยฯไม่ยอมให้เข้า จึงทำให้ชาวบ้านเดือดร้อนเพราะมีชาวบ้านอีกหลายคนที่จะต้องใช้เส้นทางผ่านไปยังแปลงเกษตรที่อยุ่ด้านหลังป่า จึงทำให้ชาวบ้านรวมตัวกันมาขอคืนพื้นที่ป่าชุมชนคืน เนื่องจากเห็นว่าทางมหาวิทยาลัยฯ นั้นใช้พื้นที่ของป่าแค่บางส่วน แต่ยังมีพื้นที่ป่าอีกจำนวนมากที่ไม่ได้มีการเข้าไปทำประโยชน์ ชาวบ้านจึงขอคืนเพื่อนำมาดูแลรักษาป่าให้คงสภาพสมบูรณ์เหมือนที่เคยทำมาหลายชั่วอายุคน
หลังใช้เวลาประนานกว่า 2 ชั่วโมง โดยไม่อนุญาตให้สื่อเข้าไปบันทึกภาพ โดยอ้างว่าเป็นเรื่องที่ยังไม่สามารถนำออกมาเผยแพร่ต่อสาธารณชนได้ ได้ยอมออกมาชี้แจงกับชาวบ้านที่มารวมตัวกดดันที่หน้าอบต.รางบัว โดยมีนายณัฐวัฒน์ ตะโกนา ปลัดอาวุโสอำเภอจอมบึง พ.ต.อ.พายัพ สมบูรณ์ ผกก.สภ.จอมบึง นายธนิตสรณ์ จิระพรชัย รองอธิการบดี ฝ่ายแผนและสารสนเทศ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยี พระจอมเกล้า ธนบุรี กำนันผู้ใหญ่บ้าน สมาชิกอบต. และตัวแทนภาคประชาชน โดยสรุปได้ว่าทางมหาวิทยาลัยฯ นั้นยินยอมที่จะให้ทางประชาชนได้เข้าไปใช้พื้นที่ป่าฝั่งขวาของมหาวิทยาลัยฯ ร่วมกันโดยสามารถเข้าออกและสามารถมาใช้ประโยชน์จากป่า โดยการเก็บหาของป่า แต่ต้องห้ามทำลายหรือทำให้เกิดความเสียหาย และจะช่วยกันดูแลรักษาป่า ส่วนสนามกีฬาของมหาวิทยาลัยนั้นชาวบ้านสามารถเข้าไปออกกำลังกายได้ แต่ต้องไม่ทำให้สถานที่หรือสิ่งก่อสร้างนั้นเสียหาย ซึ่งชาวบ้านที่มารอรับฟังผลการประชุมในครั้งนี้ต่างก็พอใจ และจะมีการทำสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษรในใช้ป่าร่วมกันด้วย
สามารถติดตามข่าวสารอื่นๆได้ก่อนใครที่ https://www.siameagle.com
หรือ https://www.facebook.com/siameaglenews/