สระบุรี-อนาถแม่จับลูกชายวิกลจริตล่ามโซ่ออกเก็บผักขายเลี้ยงชีพ

สระบุรี-อนาถแม่จับลูกชายวิกลจริตล่ามโซ่ออกเก็บผักขายเลี้ยงชีพ

ภาพ/ข่าว:สมภพ พิมมะศร

       สุดอนาถพบครอบครัวสองแม่ลูกฐานะยากจนแม่วัยชราจำเป็นต้องจับลูกชาย ล่ามโซ่ขังไว้ในบ้าน ออกเก็บผักขายหาเลี้ยงชีพ ร้องสื่อช่วยให้หน่วยงานด้านสังคมสงเคราะห์มานำลูกชายไปเลี้ยงดูหวั่นหากตนไม่มีชีวิตแล้วลูกที่รับผิดชอบตัวเองไม่ได้จะไม่มีใครดูแล

        เช้าวันนี้ ( 16 พ.ย.2562) ผู้สื่อข่าวประจำ จ.สระบุรีได้รับการร้องทุกข์จากพลเมืองดี ว่ามีครอบครัวสองแม่ลูกฐานะยากจนกำลังได้รับความเดือดร้อน โดยที่สูงอายุแล้วจำเป็นต้องจับลูกชายวิกลจริตล่ามโซ่ขังไว้ในบ้านก่อนออกไปหาเก็บผักใกล้บ้าน นำไปขายเลี้ยงชีพ ได้ลงพื้นที่ไปพบ น.ส.นกแก้ว ผะอบทอง อายุ 71 ปี พักอาศัยอยู่บ้านเลขที่ 96/2 หมู่ 4 ต.ลำสมพุง อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี ตั้งอยู่ริมถนนสายลำสมพุง-เขาน้อย เป็นบ้านหลังเล็กๆขนาด 4 คูณ 8 เมตรสภาพภายในซอมซ่อ ได้ยินเสียงชายหนุ่มตะโกนโหวกเหวกโวยวายจับใจความไม่ได้ว่าพูดอะไร ในบางครั้งส่งเสียงร้องเป็นเพลงแต่ก็ฟังไม่รู้เรื่องเช่นกัน
         เมื่อเปิดประตูลูกกรงเหล็กเข้าไปถึงผงะกับกลิ่นเหม็นตลบอบอวล จากกลิ่นอุจจาระ/ปัสสาวะ และกลิ่นสาปจากฟูกผ้าห่มที่นอนที่กองหมักหมมอยู่ในห้องดังกล่าว และต้องตื่นตกใจเมื่อพบเห็นชายหนุ่มสภาพสวมใส่โสร่ง เสื้อยืดคอกลม ที่ส่งเสียงอยู่นั้นถูกพันธนาการด้วยโซ่ขนาดใหญ่ล็อกด้วยแม่กุญแจถึง 2 ลูก ล่ามไว้กับเสาเหล็กค้ำยันขื่อหลังคากลางบ้าน เมื่อชายดังกล่าว พบเห็นผู้สื่อข่าวมีอาการตื่นตกใจเล็กน้อย แต่ไม่มีทีท่าต่อต้านใดๆ
         น.ส.นกแก้ว เปิดเผยชีวิตแสนรันทดของครอบครัวตนเองว่า ตนมีครอบครัวสามีชื่อนายสวิง สบายถิ่น (เสียชีวิต) นานแล้ว มีลูกด้วยกันหนึ่งคนคือ นายศุภชาติ สบายถิ่น อายุ 27 ปี ที่ร้องโวยวายในขณะนี้นั่นแหละ ลูกชาย นายศุภชาติ มีความไม่ปกติมาตั้งแต่กำเนิด ไม่ได้เรียนหนังสือ เคยพาไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลใน จ.นครราชสีมา แพทย์ระบุ เป็นบุคคลวิกลจริต และต้องรับยาเป็นประจำ เมื่อสามีเสียชีวิตลงตั้งแต่ปี 2551 ตนก็เลี้ยงดูนายศุภชาติ มาเพียงลำพังคนเดียว ก่อนหน้านี้ไม่ได้จับล่ามโซ่ไว้ ลูกชายมักหลบหนีไปตามป่า-เขา เกรงหลงป่าได้รับอันตราย และที่สำคัญ จะไปที่ร้านค้าในหมู่บ้านหยิบฉวยสิ่งของในร้านประเภท บุหรี่ อาหารสำเร็จรูปและอื่นๆ เป็นจำนวนมาก เจ้าของร้านไม่รู้จะทำอย่างไร ตนจึงต้องตามไปชดใช้อยู่เสมอๆ ทำให้มีความจำเป็นต้องจับล่ามโซ่ไว้ในบ้าน นานหลายปีมาแล้ว
           น.ส.นกแก้ว เล่าต่อไปว่า ครอบครัวตนสองแม่ลูกไม่มีรายได้ใดๆ ตนคงรับเบี้ยคนชราจำนวน 600 บาท ส่วนนายศุกชาติ ได้รับเบี้ยคนพิการ 800 บาท ไม่เพียงพอต่อการครองชีพ ตนต้องออกไปเก็บพืชผักใกล้บ้านนำไปขายตามตลาดนัดชุมชนใกล้บ้านได้วันละ 100 บาทเศษ นำมาซื้อหาเลี้ยงชีพ และขณะที่ตนออกไปเก็บผัก ก็จำเป็นต้องล่ามโซ่นายศุภชาติขังไว้ในบ้าน เมื่อปวดอุจจาาระ ก็จะขับถ่ายใส่ถุง ปัสสาวะก็จะใส่ขวดไว้ เมื่อตนกลับจึงนำไปทิ้งนำตัวไปอาบน้ำทำความสะอาดร่างกาย แต่ในบางครั้ง นายศุภชาติ ก็จับสิ่งที่ตนขับถ่ายออกมาโยนทิ้งออกมานอกบ้าน เลอะเทอะส่งกลิ่นเหม็นไปทั่วบริเวณ
           น.ส.นกแก้ว กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ที่ตนร้องทุกข์ผ่านสื่อมวลชนครั้งนี้ วัตถุประสงค์ต้องการให้หน่วยงานด้านสังคมสงเคราะห์ของทางราชการ มารับตัวนายศุภชาติ ลูกชายไปดูแล เพราะตนก็อายุมากแล้ว ไม่รู้เมื่อไหร่จะจากโลกนี้ไป ห่วงลูกชายที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้จะไม่มีใครดูแล ซึ่งตนมั่นใจว่าทางการจะไม่ทอดทิ้ง และสามารถดูแลลูกชายได้ดีกว่าตน ก่อนหน้านี้ตนเคยไปทำเรื่องร้องทุกข์ในเรื่องนี้ ที่ อบต.ลำสมพุง ให้ช่วยเหลือ และเจ้าหน้าที่ได้แจ้งให้ทราบว่ากำลังดำเนินการให้อยู่ ที่ตนเองร้องทุกข์ผ่านสื่อมวลชนอีกทางหนึ่งก็เพื่อให้ช่วยเผยแพร่ ขอความสงเคราะห์ช่วยเหลือจากผู้ใจบุญบ้าง และเมื่อเรื่องราวของตนถูกเผยแพร่ออกไปแล้ว คิดว่าการให้การช่วยเหลือจากภาครัฐจะรวดเร็วขึ้น

             สำหรับผู้มีจิตอันเป็นกุศลประสงค์จะช่วยเหลือครอบครัว น.ส.นกแก้ว และลูกชายสามารถ ช่วยเหลือได้ที่บัญชีธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธกส.) สาขาลำพญากลาง หมายเลขบัญชี ชื่อ น.ส.นกแก้ว ผะอบทอง 020007536517 หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ หมายเลขโทรศัพท์ 061-5418417 และก่อนเดินทางกลับ สื่อมวลชนได้เห็นความยากลำบากของ น.ส.นกแก้ว และลูกชายกลุ่มผู้สื่อข่าวที่ร่วมกันไปทำข่าวได้รวบรวมเงินมอบให้กับ น.ส.นกแก้ว ไว้ใช้จ่ายบรรเทาความเดือดร้อนเบื้องต้นจำนวนหนึ่งด้วย.

สามารถติดตามข่าวสารอื่นๆได้ก่อนใครที่ https://www.siameagle.com
หรือ https://www.facebook.com/siameaglenews/

CATEGORIES
Share This

COMMENTS

error: Content is protected !!