สระแก้ว-ปลัด นำกำลังบุกค้นต้นตอ ขยะอันตราย

ภาพ/ข่าว:สวาท เกตุงาม
ขอบคุณภาพ:ยุติศักดิ์ สารการ

     กรณีที่พบชิ้นส่วนอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และขยะอุตสาหกรรม กว่า 300 ตัน ถูกนำมากองไว้รอการคัดแยกในพื้นที่เขตป่าอนุรักษ์โซนซี ท้ายหมู่บ้านหนองแก ต.ตาหลังใน อ.วังน้ำเย็น จ.สระแก้ว นั้น

       เมื่อเวลา 12.30 น.วันที่ 19 กรกฎาคม 2562 นายศิริศักดิ์ ศิริมังคะลา ปลัดจังหวัดสระแก้ว พร้อมด้วย พ.ต.อ.ภิรมย์ จันทราภิรมย์ ผกก.สภ.เมืองสระแก้ว นายศักรินทร์ ทุมเสน นายอำเภอเมืองสระแก้ว นายชวลิต ไชยนิวัฒนา อุตสาหกรรมจังหวัดสระแก้ว นายอนุชา กระจายศรี ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดสระแก้ว พร้อมกองสาธารณสุข เทศบาลตำบลท่าเกษม ทหาร ตำรวจ เข้าตรวจสอบร้านรับชื้อของเก่าที่นำมาคัดแยกขยะอุตสาหกรรม ที่รับชื้อมาจากร้านของเก่า จากกรุงเทพฯ ซึ่งนางรัชดาพร  อายุ 50 ปี อยู่ หมู่ 1 บ้านคลองนางชิง ต.ท่าเกษม อ.เมือง จ.สระแก้ว เป็นเจ้าของที่นำขยะอิเล็กทรินิกส์ จำพวกโทรทัศน์มาคัดแยก บอกว่ามาคัดแยกจะนำไปขายที่จังหวัดฉะเชิงเทราและจังหวัดปราจีนบุรีในกิโลละ 6 บาท

        นายศิริศักดิ์ ศิริมังคะลา ปลัดจังหวัดสระแก้ว กล่าวว่า จากการเข้าตรวจพบกองขยะอุตสาหกรรม จำพวกชิ้นส่วนอุปกรณ์จอโทรทัศน์ที่มีการคัดแยกจำนวน หนึ่งห่างจากร้านรับชื้อของเก่าประมาณ 500 เมตรและห่างจากถนนลูกรังเข้าอีกประมาณ 50 เมตร พบว่าเป็นบ่อขนาดเล็กมีเศษขยะจอโทรทัศน์และหลอดภาพจำนวนมาก ของผู้ประกอบการเป็นผู้นำตรวจ และนำใบอนุญาตประกอบกิจการคัดแยกและฝังกลบสิ่งปฏิกูล หรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้ว มาให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ พบว่าได้รับอนุญาตประกอบกิจการขาดตั้งแต่ปี 2559 จึงให้ผู้ประกอบดำเนินการเก็บชิ้นส่วนขยะบริเวณบ่อน้ำให้มิดชิดนำมาเก็บไว้ในอาคารมีหลังคาเพื่อความปลอดภัยของประชาชนในพื้นที่ให้เวลา 15 วันนับตั้งแต่วันนี้และให้หยุดประกอบกิจการเป็นถ้าไม่ปฏิบัติตามเจ้าหน้าที่กำหนดจะมีความตามกฎหมาย
          ส่วน นางรัชดาพร  อายุ 50 ปี กล่าวว่า หลังจากปี 2559 ต้นมาไปขอต่อใบอนุญาตไม่ได้เจ้าหน้าที่บอกว่าที่ดินไม่มีหลักฐานเพียงพอแต่มีหลักฐาน ภทบ.5 จึงไม่สามารถต่อใบอนุญาตได้ ชิ้นส่วนที่ชื้อมาเป็นจอทีวีจากกรุงเทพฯเพื่อนำคัดแยกชิ้นส่วนก็จะนำไปขายรับชื้อของเก่าที่จังหวัดฉะเชิงเทราและจังหวัดปราจีนบุรี จะขายเป็นกิโลละ 6 บาท เพื่อได้เลี้ยงครอบครัวและส่งค่างวดรถยนต์เท่านั้น

สามารถติดตามข่าวสารอื่นๆได้ก่อนใครที่ https://www.siameagle.com
หรือ https://www.facebook.com/siameaglenews/