อยุธยา-จัดงาน “เชิดชูบรมครูมวยไทย นายขนมต้ม” ประจำปี 2562
ภาพ/ข่าว:นราเอก ตันศิริ-นพดล บำเพ็ญสัตย์
บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ร่วมกับ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กรมการพัฒนาชุมชน การท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดพระนครศรีอยุธยา จัดงาน “เชิดชูบรมครูมวยไทย นายขนมต้ม” ประจำปี 2562
เมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 15 มีนาคม ที่ อนุสาวรีย์นายขนมต้ม ที่ลานกิจกรรมหน้าโรงเรียนวัดจุฬามณี ต.บ้านกุ่ม อ.บางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา นายธวัช สุวรรณ นายอำเภอบางบาล ได้เป็นผู้กล่าวรายงานการจัดงาน เชิดชูบรมครูมวยไทย นายขนมต้ม” ประจำปี 2562 ซึ่งจัดขึ้นโดย บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ร่วมกับ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กรมการพัฒนาชุมชน การท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยมี นายศุกร์วิบูลย์ ปิ่นนิกร ปลัดจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้เป็นประธานในการกล่าวเปิดงาน โดยมี นักมวยชาวต่างชาติ ที่เข้ามาเรียนศิลปะมวยไทย เข้าร่วมงานเป็นจำนวนมาก
นายธวัช สุวรรณ นายอำเภอบางบาล กล่าวว่า อนุสาวรีย์นายขนมต้มแห่งนี้ชมรมบ้านกุ่มบางบาลลูกหลานนายขนมต้มได้ก่อตั้งขึ้นเพื่อจัดสร้างอนุสาวรีย์นายขนมต้มและศูนย์การเรียนรู้ชุมชนประจำตำบลที่เป็นถิ่นกำเนินของนายขนมต้มที่ต.บ้านกุ่ม อ.บางบาล ที่เป็นนักมวยไทยชื่อดังสมัยปลายกรุงศรีอยุธยา นายขนมต้ม ได้ชื่อว่าเป็นคนเก่งด้านเชิงมวย จึงได้รับการยกย่องว่าเป็นต้นตำรับมวยไทย และในเวลาต่อมาการต่อสู้ที่เรียกว่ามวยไทย เป็นที่แพร่หลายไปทั่วโลกจนได้รับการยกย่องว่าเป็นการต่อสู้มือเปล่าที่ดี ที่สุด ทำให้ชาวบ้านที่บ้านกุ่ม เทศบาลตำบลบางบาล เห็นถึงความสำคัญของบรรพบุรุษจึงได้จัดสร้างศาลขึ้นใหม่ตามคำบอกเล่า โดยมีไม้จากศาลหลังเก่าประกอบไว้อีกแห่งหนึ่ง บริเวณทางเข้าหน้าโรงเรียนวัดจุฬามณี พร้อมทั้งสร้างอาคารประกอบเพื่อเผยแพร่ความรู้ด้านมวยไทยและวัฒนธรรมพื้นบ้าน
ทางด้าน นายอดิศักดิ์ เทพอาสน์ ที่ปรึกษากรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จ ากัด (มหาชน) กล่าวว่า ได้ร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กรมการพัฒนาชุมชน การท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดพระนครศรีอยุธยา จัดกิจกรรม เชิดชูบรมครูมวยไทย นายขนมต้ม” ประจำปี 2562 ขึ้นเพื่อรำลึกถึง นายขนมต้ม วีรชนชาวไทยที่สามารถชกมวยเอาชนะนักมวยชาวพม่าได้ถึง 9 คน จนได้รับอิสรภาพจากการถูกจับกุมตัว ซึ่งชาวไทยทั่วประเทศได้ยกย่องให้ นายขนมต้ม เป็นพระบรมครูแห่งวงการมวยไทย นอกจากนี้ยังเป็นการยกย่องและสืบสานศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัวแบบไทย ที่สะท้อนให้เห็นถึงภูมิปัญญาของบรรพชนไทยที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวในรูปแบบวิถีไทยที่แตกต่างจากชนชาติ อื่น ทั้งยังช่วยกระตุ้นให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวมายังพื้นที่จัดงานและเชื่อมโยงไปยังเมืองท่องเที่ยวใกล้เคียงอีกด้วย โดยงานนี้ได้รับการสืบสานมา เป็นระยะเวลากว่า 10 ปี และทางชุมชนมีแนวคิดที่จะรักษาต่อยอด และเพิ่มเติมจ านวนกิจกรรมเพื่อให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น สานต่อแนวคิดในการพัฒนาด้านการท่องเที่ยวไทยให้โดดเด่น โดยเฉพาะการท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ และประเพณีที่มี ความเป็นเอกลักษณ์ เพื่อให้เกิดความน่าสนใจในกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวไทย และต่างชาติ