เพชรบูรณ์-อธิบดีกรมป่าไม้ ชี้แจง พร้อมให้ความเป็นธรรม
ภาพ/ข่าว:สนม บุญจันทึก
จากกรณีที่มีกลุ่มผู้ประกอบที่พักโฮมสเตย์ที่เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ และทายาทอดีตรอส.ร้องนายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง ขอความช่วยเหลือคดีบุกรุกป่าเขาค้อ โดยต้องการขอเอกสารการจัดที่ดินเขาค้อ ตามนโยบาย คทช. เพื่อจะใช้เป็นหลักฐานยื่นขอชะลอการพิจารณาคดี ล่าสุดนายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมป่าไม้ กล่าวชี้แจงว่า ใครที่ยังขาดหลักฐานพยานที่ชัดเจน โดยคิดว่าเป็นข้อเท็จจริงที่ตัวเองควรจะมีสิทธิ์ก็พร้อมให้ความเป็นธรรมที่จะรับฟัง แต่การให้ความเป็นธรรมไม่ใช่หมายความว่าพร้อมให้ความช่วยเหลือทุกราย แต่เราพร้อมให้ความช่วยเหลือถ้าอยู่ในรถไฟ 3-4 ขบวนของเราที่พูดถึงและตามมติ คทช. ซึ่งก็ชัดอยู่แล้วเพราะว่าเป็นมาตรฐานเดียวกันทั้งหมด
นายอรรถพลกล่าวว่า หากเป็นผู้ยากไร้ที่อยู่มาก่อนวันที่ 17 มิ.ย 57 ก็ได้รับการผ่อนผันเข้าสู่กระบวนการคทช. แต่ถ้าเป็นนายทุนที่บุกรุกมาหลังปี 2545 อย่างนี้ก็ไม่ได้เป็นข้อยกเว้น และต้องเป็นบุคคลที่ทำกินอยู่เดิมด้วย ไม่ได้มีสิทธิ์ตกทอดมรดกตามพื้นที่ตรงนั้น ซึ่งตรงนี้เป็นดุลพินิจที่เจ้าหน้าที่ใช้อยู่แล้ว เพราะฉะนั้นในแต่ละรายก็ต้องมีการแก้ปัญหาให้ ซึ่งประเด็นนี้ได้พูดคุยกับทางผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์แล้วว่า พร้อมจะให้ความเป็นธรรมแต่จะเป็นรายๆไปไม่ใช่ว่าทุกคนจะเหมือนกันหมด ซึ่งตรงนี้คือสิ่งที่เราจะต้องทำ และก็จะติดต่อกับทุกรายที่ยื่นเรื่องร้องเรียน
อธิบดีดรมป่าไม้กล่าวว่า ขณะนี้ได้สั่งการให้ทางผู้อำนวยการสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 4 พิษณุโลกไปแล้ว ให้รีบติดต่อผู้ที่ยื่นร้องเรียนเหล่านี้ โดยให้กลุ่มมายื่นเอกสารที่ศูนย์ป่าไม้เพชรบูรณ์ และเอามาดูกันในแต่ละรายเพื่อพิจารณา โดยให้คณะกรรมการของจังหวัดมาช่วยดูด้วยและนำเข้าคทช.จังหวัด ฉะนั้นถ้าอยู่ในหลักเกณฑ์ที่เราช่วยเหลือได้ก็ยินดีที่จะช่วย แต่หากไม่ได้อยู่ในหลักเกณฑ์ก็ต้องปล่อยไปตามกระบวนการตามกฎหมาย ไม่เช่นนั้นก็จะไม่มีหลักเกณฑ์ และกลายเป็นหลายมาตรฐาน สุดท้ายเจ้าหน้าที่ก็จะต้องถูกร้องเรียน
นายอรรถพลกล่าวว่า ส่วนกลุ่มรีสอร์ทที่เหลืออยู่และยังไม่ถูกดำเนินคดีหรือถูกบังคับใช้กฎหมาย และไม่มีอะไรที่จะผ่อนผันได้เลย อันนี้ก็ยังต้องถูกดำเนินคดี เพราะการผ่อนผันคือการดำเนินการตามมติ ครม.วันที่ 30 มิ.ย 2541 ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของคทช. ซึ่งมีหลักเกณฑ์อยู่แล้วและได้แบ่งกลุ่มใครอยู่ก่อนปี 2541 และใครอยู่ก่อนหลังปี 2557 โดยคนที่อยู่ก่อนปี 2557 จะได้รับการผ่อนผันเฉพาะผู้ยากไร้และผู้ที่ทำกินอยู่เดิมเท่านั้น แต่ใครที่อยู่หลังปี 2557 อันนี้ไม่ได้รับการผ่อนผันแน่นอน ซึ่งเป็นกรอบมาตรฐานของเราอยู่แล้วที่ได้แบ่งตามกลุ่มรถไฟ 3 กระบวน ในการแก้ไขปัญหาพื้นที่ป่าสงวน
นายอรรถพลยังกล่าวชี้แจงถึงกรณีที่มีการร้องเรียนถึงการเลือกปฏิบัติ เนื่องจากยังมีรีสอร์ทของนายทุนใหญ่และมีข้าราชการอยู่เบื้องหลัง ยังไม่ถูกดำเนินคดี รวมทั้งยังร้องเรียนทางเจ้าหน้าที่พยายามเยื้อหรือประวิงเวลาไม่ดำเนินคดีด้วยว่า ไม่ได้มีการเลือกปฏิบัติเพียงแต่ว่า คนไหนที่ถูกดำเนินคดีไปก่อน ก็คิดว่าคนที่ถูกดำเนินคดีภายหลังคงจะได้รับการช่วยเหลือ ยืนยันว่าไม่มีการช่วยเหลือ หากกลุ่มคนเหล่านี้ไม่ได้มีคุณสมบัติยังไงก็ต้องถูกดำเนินคดี ซึ่งเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วและคงไม่มีใครกล้าจะไปยกเว้นการดำเนินคดี หากเป็นแบบนี้ก็จะมีเกิดขึ้นทั่วประเทศ เพียงแต่คนที่จะไดัรับการช่วยเหลือนั้นต้องอยู่ภายในกรอบกฎหมายและนโยบายกำหนดเท่านั้น ส่วนคนที่อยู่นอกกรอบแล้วจะกลับมาช่วยเหลือคงทำไม่ได้ ไม่เช่นนั้นก็จะมีปัญหากันทั้งประเทศ
สามารถติดตามข่าวสารอื่นๆได้ก่อนใครที่ https://www.siameagle.com
หรือ https://www.facebook.com/siameaglenews/