ชลบุรี-สัตหีบ บูรณาการตรวจสอบบ้านเรือนไทย 2 หลัง พบปลูกบนเกาะกลางลำรางสาธารณะ
ภาพ/ข่าว:นิราช / นันทพล ทิพย์ศรี
ใกล้ถึงจุดอวสาน บ้านเรือนไทย 2 หลัง กลางลำรางสาธารณะ ปลัดอำเภอสัตหีบ รองนายกเทศมนตรีตำบลเขาชีจรรย์ นายช่างรังวัดที่ดินสัตหีบ ป่าไม้ ป.ป.ช.ชลบุรี กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ร่วมบูรณาการตรวจสอบ ชี้ชัด บ้านปลูกกลางลำรางสาธารณะ เทศบาลเตรียมส่งหนังสือ สอบถามให้เจ้าของที่ยืนยันสิทธิ์
จากกรณี ที่ได้มีประชาชนร้องเรียนสื่อมวลชนว่า ขณะนี้ได้มีนายทุนจากกรุงเทพฯ เข้ามาพัฒนาพื้นที่ หมู่ 7 ต.นาจอมเทียน อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี เขตความรับผิดชอบของเทศบาลตำบลนาจอมเทียน พบว่ามีพื้นที่บางส่วนถมดินเกินเข้าไปในลำธารสาธารณะ และขอให้ตรวจสอบบ้านเรือนไทย 2 หลัง ปลูกกลางแอ่งเก็บน้ำสาธารณะ ซึ่งต่อมานาง นงค์ลักษณ์ จิตรใจกล้า รองนายกฯ นายจิตติณ โรจน์บุนส่งศรี นิติกร และนายพชร ศรีวิชัย ผอ.กองช่าง ทต.เขาชีจรรย์ ได้พาสื่อมวลลงพื้นที่ดังกล่าว พร้อมกับ ดร.สะถิระ เผือกประพันธุ์ ส.ส.เขต 10 พรรคพลังประชารัฐ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ในฐานะตัวแทนของประชาชนร่วมตรวจสอบ ชี้แนวเขตสถานที่ที่ได้รับการร้องเรียนด้วย เพื่อให้เกิดความโปร่งใส หน่วยงานภาครัฐ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจะได้ไม่ถูกประชาชนเคลือบแคลงสงสัยในการปฏิบัติหน้าที่ ของทุกฝ่าย
ความคืบหน้าในเรื่องนี้ วันนี้ (21 ก.ย.66) นายสิทธิพร แสงสว่าง ปลัดอำเภอสัตหีบ นายปรีชา แนบถนอม หัวหน้าฝ่ายป้องกันการทุจริต สำนักงาน ป.ป.ช.ชลบุรี นางนงค์ลักษณ์ จิตรใจกล้า รองนายกฯ นายจิตติณ โรจน์บุนส่งศรี นิติกร และ นายพชร ศรีวิชัย ผอ.กองช่าง ทต.นาจอมเทียน นายธนพัฒน์ บรรบุบผา กำนันตำบลนาจอมเทียน นายทวี สุวรรณโชติ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 7 ต.นาจอมเทียน อ.สัตหีบ นายประพันธ์ศักดิ์ ขวัญศรี นายช่างรังวัดชำนาญงาน สำนักงานที่ดินจังหวัดชลบุรี สาขาสัตหีบ และเจ้าหน้าที่จากกรมป่าไม้ เขต 9 ชลบุรี ได้บูรณาการร่วมกันลงพื้นที่ ตรวจสอบที่ดินสาธารณะและลำรางสาธารณะ ที่มีการปลูกสร้างบ้านทรงไทยไม้ จำนวน 2 หลัง กลางลำรางสาธารณะ พบว่าบ้านหลังใหญ่ได้มีการปรับปรุงต่อน้ำต่อไฟฟ้าเข้าไป มีร่องรอยการเข้าพัก ส่วนบ้านอีกหลังหนึ่งยังปล่อยให้เป็นบ้านรกร้าง ไม่มีร่องรอยของการเข้าพักอาศัย
นางนงค์ลักษณ์ จิตรใจกล้า รองนายกฯ เปิดเผยว่า สำหรับบ้านเรือนไทยไม้ 2 หลัง ที่ปลูกสร้างกลางลำรางสาธารณะนั้น ได้มีการปลูกสร้างไว้ก่อนที่ผู้บริหาร ทต.เขาชีจรรย์ชุดใหม่เข้ามาบริหารต่อจากชุดเก่า ซึ่งในอดีตจะไม่มีผู้ใดได้พบเห็นบ้านทั้ง 2 หลังนี้ เพราะอยู่ด้านในติดกับริมภูเขา มีต้นไม้ขนาดใหญ่บดบัง แต่เมื่อเจ้าของที่ดินได้เข้ามาพัฒนาพื้นที่ จึงได้พบว่ามีบ้านเรือนไทยอยู่ด้านในพื้นที่แห่งนี้ ซึ่งทางเทศบาลฯ จะออกหนังสือสอบถามเจ้าของที่ดินทั้ง 2 ราย ที่เข้ามาพัฒนาพื้นที่ว่าเป็นบ้านของผู้ใดที่เข้ามาครอบครองต่อจากเจ้าของเดิม ถ้าพบว่าเป็นบ้านของผู้ใดก็จะแจ้งให้ดำเนินการรื้อถอนออกไป ถ้าไม่มีของผู้ใดทางเทศบาลฯ ก็จะดำเนินการต่อไปตามขั้นตอนของกฎหมาย
นายสิทธิพร แสงสว่าง ปลัดอำเภอสัตหีบ กล่าวว่า จากกรณี ที่ทราบว่ามีการร้องเรียนเพื่อให้ตรวจสอบที่ดินสาธารณะและลำธาร เพราะประชาชนเกรงว่า ถ้าเจ้าหน้าที่รัฐไม่เข้าไปตรวจสอบแนวเขตในตอนนี้ ในอนาคตอาจจะมีการบุกรุกที่ดินสาธารณะ ลำรางสาธารณะ ซึ่งทางอำเภอสัตหีบ ไม่ได้นิ่งนอนใจในเรื่องนี้ จึงได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามารับทราบ และบูรณาการร่วมกันตรวจสอบ เพื่อให้ประชาชนมั่นใจว่าหน่วยงานรัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจะดูแลรักษาที่ดินสาธารณะ ซึ่งเป็นสมบัติของแผ่นดิน ประชาชนทุกคนมีสิทธิเข้ามาใช้ประโยชน์ ด้านทางอำเภอสัตหีบ ยืนยันว่าจะไม่ปล่อยให้ที่ดินสาธารณะ ลำรางสาธารณะตกอยู่ในการครอบครองของนายทุนอย่างแน่นอน
นายปรีชา แนบถนอม สำนักงาน ป.ป.ช.ชลบุรี กล่าวว่า กรณีนี้เป็นเรื่องของเอกชนรุกที่ เมื่อหน่วยงานรัฐทราบเรื่องแจ้งให้เขารื้อถอนก็ถือว่าจบไป แต่ปัจจุบันนี้จากการสอบถามยังไม่มีใครทราบว่าใครเป็นเจ้าของบ้านหลังดังกล่าว จึงเป็นหน้าที่ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ต้องดำเนินการตามข้อกฏหมายต่อไป