อยุธยา-มอบเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัย จากกองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณะภัย
ภาพ-ข่าว:นราเอก ตันศิริ / นพดล บำเพ็ญสัตย์
ที่ ห้องประชุมอโยธยา ชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดพระนครศรีอยุธยา นายนิวัฒน์ รุ่งสาคร ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นประธานในพิธีมอบเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัย จากกองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย สำนักนายกรัฐมนตรี ในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา พร้อมด้วย นางวัชราภรณ์ รุ่งสาคร นายกเหล่ากาชาดจังหวัดพระนครศรีอยุธยา นายประพันธ์ ตรีบุบผา เลขานุการเหล่ากาชาดจังหวัดพระนครศรีอยุธยา หัวหน้าส่วนราชการ คณะกรรมการเหล่ากาชาดจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และสมาชิกชมรมแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ร่วมพิธี
ตามที่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยาได้เกิดสถานการณ์อุทกภัย ปี 2565 ทำให้ประชาชนเสียชีวิตจากการจมน้ำ 27ราย เกิดเหตุตลิ่งทรุดริมแม่น้ำป่าสักทำให้บ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหาย 1 หลังคาเรือน และเกิดเหตุอัคคีภัยในพื้นที่อำเภอนครหลวง ทำให้บ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหาย จำนวน 1 หลังคาเรือนและท่านผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยาได้มีบัญชาว่านอกเหนือจากการให้ความช่วยเหลือตามระเบียบที่เกี่ยวข้องแล้ว ขอให้ส่งเรื่องขอรับความช่วยเหลือจากกองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย สำนักนายกรัฐมนตรี อีกช่องทางหนึ่งนั้น บัดนี้ กองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย สำนักนายกรัฐมนตรีได้อนุมัติการให้ความช่วยเหลือตามกรณีดังกล่าวข้างต้นแล้ว รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 2.59 ล้านบาท แบ่งเป็น กรณีอุทกภัย จำนวน 27 ราย ค่าจัดการศพ รายละ 50,000 บาท เงินทุนเลี้ยงชีพแก่ครอบครัวผู้เสียชีวิต รายละ 30,000 บาท เงินเพิ่มเงินทุนเลี้ยงชีพแก่ครอบครัวผู้เสียชีวิตที่มีบุตร์ไม่เกิน 25 ปี บริบูรณ์ รายละ 50,000 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 2,280,000 บาท กรณีเหตุตลิ่งริมแม่น้ำป่าสักทรุดตัว จำนวน 1 ราย ค่าวัสดุก่อสร้าง/ซ่อมแชมบ้านเรือนเสียหาย เป็นเงิน 70,000 บาท ค่าเครื่องอุปโภค และเครื่องใช้อื่น ๆ ที่จำเป็นแก่ครอบครัวผู้ประสบภัย เป็นเงิน 5,000 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 75,000 บาท กรณีอัคคีภัย จำนวน 1 ราย ค่าวัสดุก่อสร้างซ่อมแซมบ้านเรือนเสียหาย เป็นเงิน 230,000 บาท ค่าเครื่องอุปโภค และเครื่องใช้อื่นๆ ที่จำเป็นแก่ครอบครัวผู้ประสบภัย เป็นเงิน 5,000 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 235,000 บาท รวมเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย จากกองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย สำนักนายกรัฐมนตรี จำนวน 29 ราย รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 2,590,000 บาท