สระบุรี-เจ้าอาวาสวัดดังถูกหลอกอ้างเป็นญาติ ยืมเงินกว่าครึ่งแสนรักษาพ่อป่วย ผ่านไป 2 อาทิตย์ไร้วี่แวว

สระบุรี-เจ้าอาวาสวัดดังถูกหลอกอ้างเป็นญาติ ยืมเงินกว่าครึ่งแสนรักษาพ่อป่วย ผ่านไป 2 อาทิตย์ไร้วี่แวว

ภาพ/ข่าว:สมภพ พิมมะศร

          วันที่ 6 กันยายน 2566 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งมีการแชร์ในกลุ่มไลน์ว่าขณะนี้มีมิจฉาชีพออกตะเวนตามวัด หลอกเอาเงินจากพระสงฆ์ ในพื้นที่ อ.เสาไห้ จ.สระบุรี พร้อมทั้งมีใบหน้าของผู้กระทำความผิดอย่างชัดเจน เบื้องต้นทราบว่า คนร้ายได้เข้าไปหาเจ้าอาวาส แล้วเอ่ยปากขอยืมเงิน 60,000 บาท เพื่อจะนำเงินไปจ่ายค่ารักษาพยาบาลของพ่อ ตอนนี้นอนรักษาตัวอยู่ที่ รพ.รามาธิบดี เดี๋ยวอีก 3 วันเอามาคืน เพราะจะเอาโฉนดที่ดินไปจำนอง ด้วยความสงสารจึงพาเดินมาที่กุฏิ และเข้าห้องปิดประตู นำเงินออกมาโดยชายดังกล่าว ดึงเงินจากมือไปนับเอง เมื่อได้ครบ คนร้ายถอดสร้อยคอทองคำออกจากคอและมอบให้กับเจ้าอาวาส พร้อมบอกเอาไว้เป็นประกัน ผู้สื่อข่าวจึงตรวจสอบพบว่าเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นที่วัดห้วยบุญ หมู่ 8 ต.ท่าช้าง อ.เสาไห้ จ.สระบุรี จึงเดินทางไปตรวจสอบ
          เมื่อไปถึงได้พบกับ พระครูสมุห์ ศักดิ์ชัย ฐานวุฑฺโฒ (เจ้าอาวาสวัดห้วยบุญ) จึงสอบถามถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น พระครูสมุห์ ศักดิ์ชัย เล่าว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นวันที่ 18 ก.ย.66. เวลา 15.00 น. คนร้ายเข้าถามถึงก็ถามอาตมาว่า อาจารย์จำผมไม่ได้เหรอ ผมาเคยมาบวชอยู่ที่นี่ อาตมาก็จำไม่ได้ เลยถามไปว่า เป็นลูกหลานใคร ทำไมตอนบวชขาวจัง และมาตอนนี้ทำไมดำจัง หลังจากนั้น อาตมาก็ได้จับถุงแรงเลอร์มันเอาไว้ แล้วเอาเข้าไปในโบสถ์ ยืนคุยกันอยู่สักพักหนึ่ง มันก็เข้ามาในโบสถ์แล้วคุยเรื่องเงินทอง และได้ถามว่า อาตมามีเงินทองเก็บไว้รักษาตัวบางมั้ย อาตมาก็ตอบว่า มีเก็บไว้ไม่กี่หมื่นหลอก ประมาณ 4-5 หมื่น คนร้ายก็บอกว่า อาจารย์ต้องเก็บไว้รักษาตัวเองนะ แล้วอาจารย์อยู่เท่าไหร่แล้ว มีเป็นไข้บ้างหรือเปล่า อาตมาก็ตอบว่า อายุ 71 ปีแล้ว ไม่เป็นไข้ สักพักคนร้ายก็ได้คุยเรื่องยืมเงิน แล้วบอกว่าผมมีของมาให้ ขอยืมสัก 6 หมื่น อาตมาก็ถามว่า จะเอาเมื่อไหร่ คนร้ายก็บอกว่า จะเอาเดี๋ยวนี้เลย จึงได้พากันเดินขึ้นมาบนกุฎิ อาจารย์เดินเข้าไปก่อน แล้วคนร้ายเดินตามเข้ามาทีหลัง และได้ปิดประตูล็อคเลย อาตมาก็ถามว่า จะล็อคทำไมร้อน ออกไปนั่งข้างนอกนู้น คนร้ายก็บอกว่า ไม่เป็นไร แล้วก็นับเงินเอง อาตมาเอาออกมาชุดแรก 4หมื่นบาท และก็เอาของวัดไปอีกหมื่นกว่า แต่ก็ไม่พอ ได้ควักให้คนร้ายอีกหมื่นกว่าบาท รวมเป็นเงิน 6 หมื่นกว่าบาท สักพักมีคนโทรบอกผู้ใหญ่บ้านให้มาดู บอกว่า ผู้ใหญ่มาดูหน่อย พระอาจารย์เข้าไปอยู่ในห้องกับใครไม่รู้ ล็อคประตูอยู่ในห้อง พอคนร้ายนับเงินเสร็จ ได้ถอดทองให้อาตมา จึงได้เอาใส่ซองไว้ แล้วก็บอกคนร้ายว่า จดดูสิว่าเงินมันเท่าไหร่แน่ พร้อมจดเบอร์โทรศัพท์มันด้วย แต่ก็โทรไม่ติดหลอก พออาตมาเปิดประตูห้อง ได้ออกมานั่งอยู่ข้างนอก เขียนจำนวนเงินไว้บนซองจดหมายที่ใส่ทอง เป็นทองหนักประมาณ 1 บาท อาตมาก็ไม่ได้บอกใคร เพราะเขาสั่งไว้ห้ามบอกใคร จึงปิดปากเงียบ พอคนร้ายไปแล้ว อาตมาจึงค่อยบอก และได้นำทองมาตรวจดูว่า เป็นทองจริงหรือเปล่า แต่พอหยิบดูน้ำหนักทองเบานิดเดียว อาตมาเลยคิดว่า ถูกหลอกแล้ว เป็นทองปลอม จากนั้นจึงได้พากันไปแจ้งความ เพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจบอกว่าให้ไปแจ้งความไว้ ไม่งั้นคนร้ายจะลอยนวลหลอกคนไปเรื่อย อาตมาเข็ดเลย สาเหตุที่ให้ทองไปง่ายๆ เพราะสงสารเขา และกำหนดแค่ 3 วัน คิดแต่ว่าต้องให้เขาอย่างเดียว เพราะลักษณะอาตมาเหมือนคนโดนยา น่าจะเป็นตอนที่จับถุงแรงเลอร์ ซึ่งมันก็งงๆอยู่ ตอนให้ตังคนร้าย อาตมาก็รู้ตัวอยู่ แต่ก็ยังให้ ถ้าไม่ครบก็ต้องหาให้ครบ ซึ่งตอนที่ไปแจ้งความได้นั่งรถกระบะของโยมลอยไป แต่ตอนแรกอาตมาคิดว่าเป็นรถของผู้ใหญ่สมชาย ถ้าอาตมาเจอคนร้ายจะถามว่า เอาโฉนดที่ดินไปจำไว้ ถ่ายมาหรือยัง 3 วันแล้ว เอามาคืนอาจารย์ให้ครบ แต่ถ้าคนร้ายบอกว่า ไม่มีเงินให้ ก็ต้องเข้าคุกเข้าตาราง ถูกดำเนินคดีไปเลย ตอนนี้อาตมาเข็ดแล้ว จะจำไว้ตลอดชีวิต ถ้าใครไปใครมาต้องระวังแล้ว สุดท้ายนี้อยากเตือนเจ้าอาสาวของทุกๆวัด ว่า ช่วงนี้มีโจรคล้องทองมา และทำตีสนิท พร้อมบอกว่า เคยบวชที่วัดนี้ อย่าไปหลงเชื่อมัน เพราะถ้าเชื่อมันจะเสร็จทุกราย เช่น แบบอาตมานี่แหละ โดนเต็มๆ 6 หมื่นกว่า

          ด้าน พระ ณัฐวุฒิ อายุ 35 ปี (พระลูกวัด) ซึ่งเห็นลักษณะท่าทางดูแปลก ๆ เนื่องจากเจ้าอาวาสไม่เคยให้ญาติโยมเข้าไปภายในห้อง เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า คนร้ายขี่รถจยย.เข้ามา แล้วถามว่า อาจารย์แดงอยู่ไหน หลวงพี่ก็เลยบอกว่า นอนอยู่ในโบสถ์ มันก็เดินไปหาที่โบสถ์ หลวงพี่ก็ขึ้นมานอนเล่นอยู่บนนี้ สักพักอาจารย์ก็พามันเดินขึ้นมาบนกุฏิแล้วเข้าห้องเลย ซึ่งโดยปกติแล้วพระอาจารย์ไม่เคยพาใครขึ้นมาบนกุฏิ ซึ่งหลวงพี่คิดเลยว่า ต้องเป็นโจรแน่ๆ แต่ไม่กล้าบอกพระอาจารย์ และกลัวจะเป็นญาติของอาจารย์ด้วย เพราะเห็นเดินกันตามมาติดๆ ไม่พูดไม่จากัน แต่หลวงพี่สงสัย ตอนมันเข้าห้องไปแล้วปิดประตูเอง จึงได้รีบลงไปโทรบอกผู้ใหญ่ ไม่นานนักผู้ใหญ่ก็มา ซึ่งเขาก็ยังอยู่ในห้องกันอยู่เลย แต่ยังไม่รู้ว่าเขาเอาตังไปแล้ว เพราะเขาบอกว่าเป็นญาติ จึงมารู้ทีหลัง เพราะพอคนร้ายไปแล้ว หลวงพี่จึงได้ขึ้นมาถามพระอาจารย์ แต่แกก็ยังไม่บอก จึงได้พูดกล่อมแก ถามอยู่ตั้งนาน จนกว่าจะบอกว่า เขาเอาตังไป ตอนแรกหลวงพี่คิดว่า แกโดนจี้มา จะไปเคาะเรียกก็กลัวมัน เดี๋ยวมันจะทำร้ายทั้ง 2 คน จึงได้รีบโทรบอกผู้ใหญ่ให้มา พอผู้ใหญ่มาได้เคาะประตู และได้คุยกับคนร้ายพร้อมถ่ายรูปเอาไว้ หลวงพี่รู้สึกสงสารพระอาจารย์ เพราะไม่คิดว่ามันจะเป็นโจร พอเขาบอกเป็นญาติกันก็เลยไม่ได้อะไร แต่ในใจลึกๆไม่เชื่อหลอกว่าเป็นญาติ เพราะตอนมันลงไปคุยข้างล่าง มันบอกว่า พระอาจารย์เป็นคนปิดประตู แต่หลวงพี่นั่งดูอยู่ มันเป็นคนปิดเอง คนร้ายอายุประมาณ 45-50 ปี รูปร่างสูง ขี่รถจยย.ยี่ห้อ ฮอนด้า เวฟ สีแดงดำ ไม่ติดทะเบียน หลวงพี่อยากเตือนภัยว่า ให้ระวังไว้ ถ้ามาแบบนี้ก็ควรดูๆไว้ ถ้าไม่ใช่ญาติอย่าไปคุยด้วย ส่วนคนร้าย ถ้าได้เห็นก็อยากให้เอาเงินมาคืนหลวงพ่อด้วย เพราะแกก็ไม่ค่อยจะมีเหมือนกัน เงินวัดก็เอาไปหมดเลย
          ขณะที่ชาวบ้านที่ถูกโทรศัพท์ตามมา เพื่อช่วยตรวจสอบดู เล่าว่า ตนเองทำงานอยู่ หลวงพี่ได้โทรตามบอกว่า มีคนมาหาพระอาจารย์ จึงได้ขี่รถมาดูและตะโกนเรียกอาจารย์ เพราะไม่รู้เขาทำอะไรอยู่ในห้องกัน 2 คน สักพักทั้ง 2 คน ก็เปิดประตูออกมา ก็ได้ถามเขาว่าเป็นใครมาจากไหน เขาก็บอกว่า เป็นหลานอาจารย์ เคยบวชอยู่ที่นี่ จำผมไม่ได้เหรอ แต่ตนก็นึกว่าไม่ออก ไม่คุ้นหน้า ได้เดินไปถามพระอาจารย์ว่าใคร เขาก็ว่าเป็นหลาน ตนจึงได้บอกว่า ถ้าเป็นหลานอาจารย์ พวกตนไม่ยุ่งนะ เพราะเขาสั่งพระอาจารย์ไว้ด้วยว่าห้ามบอกใคร และได้พากันลงไปนั่งคุยข้างล่าง ตนก็ถามว่าเป็นใครมาจากไหน เขาก็บอกว่า เป็นหลานพระอาจารย์ ทำงานอยู่เทศบาลบ้านยาง ได้เอาของมาถวายอาจารย์หลายครั้งแล้ว แต่ตนเองก็เอ๊ะใจอยู่ คิดว่าน่าจะเป็นพวกมิจฉาชีพ เพราะพระอาจารย์จะไม่ออกมาหาใคร และจะไม่มีใครเคยเข้าห้องของแก ญาติมาก็ไม่เคยได้เข้า แต่ไม่รู้ว่าเขาไปหลอกอาจารย์ยังไง เขาบอกว่า พ่อเขาไม่สบาย เข้าโรงพยาบาล กว่าจะมารู้ความจริงทีหลังก็เกือบชั่วโมง เพราะพอตนเองกลับไปทำงานไม่ถึงครึ่งชม. หลวงพี่โทรมาตามอีก บอกว่า อาจารย์โดนแล้ว พอเลิกงานตนจึงได้รีบกลับมาเอารถกระบะ ขับหาใน ต.ห้วยบง แต่ไม่เจอ ได้วนรถกลับไปอ.เสาไห้ เพราะเขาบอกว่าทำงานอยู่เทศบาลบ้านยาง ได้นำรูปที่ตนถ่ายไว้เข้าไปถามกับทางเทศบาล ซึ่งทางเทศบาลบอกว่า รู้จักคนนี้ ชื่อ น้อย ศรีมาลา แต่ตอนที่มาหาหลวงพ่อไม่ได้บอกว่าชื่ออะไร บอกแค่ว่าเป็นหลาน

CATEGORIES
Share This

COMMENTS

error: Content is protected !!