ชลบุรี-นายก ส.ไก่ฯ เผย ค่าบาทอ่อน แม้ช่วยส่งออกดีแต่อาจไม่มีกำไร เหตุต้นทุนผลิตเกษตรปศุสัตว์พุ่ง

ชลบุรี-นายก ส.ไก่ฯ เผย ค่าบาทอ่อน แม้ช่วยส่งออกดีแต่อาจไม่มีกำไร เหตุต้นทุนผลิตเกษตรปศุสัตว์พุ่ง

ภาพ/ข่าว:นิราช / นันทพล ทิพย์ศรี 

          วันที่ 10 ต.ค.66 ดร.ฉวีวรรณ คำพา นายกสมาคมส่งเสริมการเลี้ยงไก่แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ และประธานกรรมการบริหาร บริษัท ในเครือฉวีวรรณ ผู้ส่งออกเนื้อไก่รายใหญ่ของไทย ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นเรื่องค่าเงินบาทที่อ่อนตัวลงอย่างต่อเนื่องและล่าสุดยังใกล้แตะ 40 บาทต่อเหรียญดอลลาร์ว่า แม้จะส่งผลดีต่อผู้ประกอบธุรกิจส่งออกจากโอกาสที่จะได้รับคำสั่งซื้อสินค้ามากขึ้น แต่สถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่เปลี่ยนไป จากผลกระทบของการแพร่ระบาดของโรคโควิด -19 และการสู้รบอย่างยืดเยื้อยาวนานระหว่างรัสเซียและยูเครน ก็ทำให้ประชากรทั่วโลกลดการใช้จ่ายทั้งภาคอุปโภคและบริโภค จนมีผลต่อการสั่งซื้อสินค้าจากต่างแดน โดยเฉพาะ ภาคการส่งออกในธุรกิจเกษตรปศุสัตว์ ที่แม้เนื้อไก่จากไทยจะยังเป็นที่ต้องการของทั่วโลก แต่ปัญหาด้านการขนส่งที่ยากขึ้นและราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น และจากการสู้รบก็ส่งผลให้การใช้จ่ายทั่วโลกชะลอไป อีกทั้ง ราคาวัตถุดิบที่ใช้ในการประกอบอาหารสัตว์ ซึ่งยูเครน เป็นผู้ส่งออกรายใหญ่และปัจจุบันมีปัญหาทั้งเรื่องเพราะปลูกและการขนส่ง ทำให้วัตถุดิบเกิดการขาดแคลนจนราคาปรับสูงขึ้นกว่าเท่าตัว ในวงการไก่ ของไทยนั้น แม้ค่าเงินบาทจะอ่อนตัวลงมาก แต่ต้นทุนการผลิตที่พุ่งสูงขึ้นหากผู้ประกอบการไม่มีตลาดส่งออกที่ดี หรือไม่มีการทำตลาดที่มั่นคง ก็อาจจะขาดทุนได้ในปีนี้ จากปัญหาต้นทุนวัตถุดิบอาหารสัตว์ทั้งข้าวโพด ถั่วเหลือง และอื่นๆ แพงขึ้น เท่าตัว”
          ดร.ฉวีวรรณ ยังบอกอีกว่า ที่ผ่านมาเกษตรกร ได้ร้องเรียนผ่านไปยังหน่วยงานภาครัฐและรัฐบาล เพื่อให้หาทางช่วยเหลือแล้ว แต่เนื่องจากการช่วยเหลือที่ไม่ทันกับภาคการผลิต ที่ต้องใช้เงินลงทุนเป็นจำนวนมาก จึงทำให้ภาพรวมการส่งออกเนื้อไก่ไทยเพิ่งจะเริ่มกระเตื้องขึ้นในช่วง เดือน ต.ค.-ธ.ค.66 นี้เท่านั้น
แต่คาดว่า เมื่อพ้นเดือน ธ.ค.66 ไปแล้วการกักตุนสินค้าเพื่อเตรียมไว้ใช้ในเดือน ม.ค.67 ปีหน้า ของกลุ่มคู่ค้าในต่างประเทศก็จะเกิดการชะลอตัว เมื่อถึงวันนั้นราคาเนื้อไก่ของไทยจะตกลงตามกลไกของตลาด “แนวโน้มความต้องการเนื้อไก่ไทยในตลาดโลกขณะนี้เปลี่ยนไป จากเดิมที่เราผลิตเพื่อส่งขายในทันที แต่ในปีนี้เราเพิ่งจะมียอดสั่งซื้อจำนวนมากในเดือน ก.ย. ซึ่งหากเป็นสถานการณ์ปกติ ยอดสั่งซื้อสินค้าจะต้องเริ่มมาตั้งแต่ เดือน เม.ย.- พ.ค. แล้ว ซึ่งในปีนี้ถือว่าช้ากว่าเดิม ประมาณ 3-4 เดือน” อย่างไรก็ตามสมาคมฯ ก็ยังคาดการณ์ว่าตัวเลขการส่งออกในปีนี้ จะยังคงทะลุแสนตัน และสร้างเงินเข้าประเทศไม่น้อยกว่าหลักแสนล้าน แต่ในแง่ของการผลิตที่ต้นทุนไม่บาลานซ์กับการขาย ที่มีปัจจัยจากสงครามก็ทำให้ราคาส่งออกไม่มั่นคง อีกทั้งการที่ต้องพึ่งพาการนำเข้าวัตถุดิบอาหารสัตว์จากต่างประเทศ จึงทำให้ต้นทุนการผลิตของไทยยังสูงอยู่ คาดว่าสงครามใหม่ในอิสราเอลยังไม่กระทบส่งออกในเบื้องต้น ส่วนการเกิดสงครามในประเทศอิสราเอลนั้น ดร.ฉวีวรรณ มองว่าในเบื้องต้นจะยังไม่มีปัญหาต่อการส่งออกของไทย เพราะประเทศคู่ค้ายังคงใช้ออเดอร์สินค้าเดิมที่ทำการสั่งซื้อล่วงหน้า ไปจนถึงเดือน ธ.ค.66 ปีนี้ แต่หลังจากนั้น อาจหยุดการสั่งซื้อหากสงครามที่เกิดขึ้นทั้งในยูเครนและรัสเซีย รวมทั้งในฝั่งตะวันออกกลางไม่ยุติ “ในส่วนของสมาคมฯ เราได้แจ้งเตือนสมาชิกให้ติดตามข่าวสารความเคลื่อนไหวจากทั่วโลก ซึ่งขณะนี้ก็พบว่าการผลิตเนื้อไก่เพื่อขายในประเทศ เริ่มประสบปัญหาการขาดทุนแล้วจากการไม่มีตลาดรองรับ อีกทั้งยังมีโรงเชือดที่เกิดขึ้นใหม่จำนวนมากหันมา ผลิตเนื้อไก่ขายภายในประเทศ จนทำให้ราคาตกต่ำจากการผลิตที่ล้นตลาด ส่วนการส่งออกก็ต้องพยายามเพิ่มคู่ค้ารายใหม่ให้ได้เพื่อความอยู่รอด ซึ่งในเรื่องนี้ก็หวังว่า รมว.เกษตรฯ จะเข้ามาดูแลและควบคุมไม่ให้มีเรื่องเนื้อไก่เถื่อนเกิดขึ้น เช่นเดียวกับปัญหาเนื้อหมูเถื่อนที่อาจจะซ้ำเติมตลาดให้ย่ำแย่ได้” ดร.ฉวีวรรณ กล่าว

CATEGORIES
Share This

COMMENTS

error: Content is protected !!