นนทบุรี-นักธุรกิจสาวร้องทนายดัง ถูกเพื่อนแสบสมัยเรียนหลอกดาวน์รถปล่อยให้เช่า ก่อนเชิดรถหาย 6 คัน
ภาพ/ข่าว:สุรสิทธิ์ สินประเสริฐ
เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 12 ตุลาคม 2566 ที่สำนักงานทนายความคู่ใจ ถ.แจ้งวัฒนะ ต.บางตลาด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี น.ส.ฑิภรัตน์ สินปิ่นเงิน อายุ 35 ปี อาชีพ นักธุรกิจ นำเอกสารหลักฐานเข้าร้องเรียนกับนายรณณรงค์แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม เพื่อขอให้ช่วยเหลือติดตามคดีหลังตนเองถูกเพื่อนสนิทสมัยเรียนหนังสือชั้นมัธยมด้วยกันหลอกให้ดาวน์รถ เพื่อนำไปปล่อยเช่าให้กับบริษัท ชาวจีน และจะได้ผลกำไรตอบแทนสูง ตนเองเชื่อใจและไว้ใจเนื่องจากเพื่อนคนนี้ เรียนหนังสือมาตั้งแต่สมัย ม.1 ด้วยกันที่โรงเรียนวัดประดู่ในทรงธรรม เพื่อนสนิทคนนี้เป็นชาวจังหวัดขอนแก่น เคยมากินนอนที่บ้านตนเองประจำ จนตนและสามี ไว้วางใจไม่คิดว่าจะมาหลอกลวงตนเอง แบบเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด หรือ กินบนเรือนขี้รดบนหลังคา จนตนต้องเป็นหนี้ไฟแนนซ์ ผ่อนรถอีก 4 คัน กว่า 4 ล้านบาท จากจำนวนทั้งหมด 6 คันที่ให้เพื่อนคนนี้ไปปล่อยเช่า
น.ส.ฑิภรัตน์ เผยว่า หลังเรียนจบมัธยมแยกย้ายกันไปนานหลายปีจนกระทั่งได้มาเจอกันอีก เพื่อนสนิทคนนี้บอกว่า ทำงานอยู่ที่บริษัท cpp มีชาวจีนเป็นเจ้าของบริษัทซึ่งรับประมูลวางท่อน้ำมันให้กับ ปตท. ทางบริษัทต้องการรถยนต์จำนวนหลายคันในรูปแบบของการเช่าโดยจะได้ผลตอบแทน หากเป็นรถปิคอัพ 4 ประตูจะได้ค่าเช่าเดือนละ 45,000 บาทต่อเดือน แต่ถ้าเป็นรถแบบแคป จะอยู่ที่ 37,000 บาทต่อเดือน ตนเองเห็นว่า น.ส.สุวนิตา อายุ 35 ปี เป็นเพื่อนรักกันมาตั้งแต่สมัยเรียนแล้วมากินนอนที่บ้านประจำจึงไว้เนื้อเชื่อใจ เมื่อปรึกษากับสามีก็เห็นด้วย จนกระทั่ง วันที่ 2 กุมภาพันธ์ปี 65 เพื่อนสนิทคนนี้คือ น.ส.สุวนิตา ได้มาชวนตนออกรถคันแรก เป็นรถปิคอัพแคท 4 ประตูยี่ห้อ Toyota โดยตอนได้รับผลตอบแทน ตามที่เพื่อน พูดไว้จริงๆ จากนั้นเป็นต้นมา ตนก็ได้ออกรถ คันที่ 2 คันที่ 3 คันที่ 4 คันที่ 5 ครั้งที่ 6 รวมเป็นทั้งหมด 6 คัน โดยให้เพื่อนสนิท นำไปปล่อยเช่า แต่แล้ว จู่ๆมาเมื่อเดือนมีนาคม 66 ที่ผ่านมา ปรากฏว่าเพื่อนรักคนนี้ ไม่ได้ให้ผลตอบแทนของตน เหมือนผ่านมา เมื่อทวงถามก็บ่ายเบี่ยงมาตลอด สุดท้ายก็สารภาพกับตนว่ารถไม่ได้นำไปปล่อยให้เช่า แต่นำไปขายต่อเป็นเงินดาวน์ ให้กับแก๊งจำนำรถแบบว่าเป็นรถที่หลุดจำนำ ทำให้ตนต้องรับภาระ ผ่อนรถที่เหลืออีก 4 คัน เป็นเงินกว่า 4 ล้านบาท ส่วนรถยนต์อีก 2 คันตนซื้อมาเป็นเงินสด ต้นมาสร้างความจริงอีกว่า เพื่อนสนิทตนไม่ได้ทำงานที่บริษัทดังกล่าวแต่มีน้องสาวทำงานอยู่ที่นั่นจริง เมื่อทราบว่า ถูกเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด หรือกินเรือน ขี่รถบนหลังคาลายนี้ หลอกลวงตลอดเวลาที่มา ตนจึงได้นำความเข้าใจกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ต่างพื้นที่ต่างโรงพัก 6 โรงพัก แต่เกรงว่าคดีจะไม่คืบหน้า จึงอยาก ขอให้ทนายรณรงค์ช่วยเหลือในด้านคดีด้วย
ทางด้านทนายรณรงค์ กล่าวว่า จากการพูดคุยกับผู้เสียหาย เบื้องต้นทราบว่า เป็นลักษณะเหมือนกับหลอกให้อุ้มดาวน์รถ แล้วนำรถไปขายตลาดมืด เหมือนรถหลุดจำนำ หรือไม่ก็อาจจะนำรถทั้งหมด ข้ามฝั่งชายแดนไปขายประเทศเพื่อนบ้านแล้ว ตนจะพาผู้เสียหาย ไปร้อง ตำรวจไซเบอร์ เพื่อให้ช่วยติดตามคดี เพราะมันเข้าข่ายทั้ง ยักยอกทรัพย์ ฉ้อโกง ที่น่าแปลกใจรถผู้เสียหายหลายคันถูกนำมาส่งมอบกันใกล้ๆกับกองบัญชาการตำรวจไซเบอร์อีกต่างหาก น่าจะทำกันเป็นขบวนการ