ศรีสะเกษ-นพ.สสจ.ประกาศแจ้งเตือนให้พยาบาลกลับไปปฏิบัติหน้าที่ต้นสังกัดเดิมด่วนที่สุด ฝ่าฝืนโทษไล่ออก
ภาพ/ข่าว:ศิริเกษ หมายสุข
เมื่อวันที่ 25 ต.ค.2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่ได้มีพยาบาลและเจ้าหน้าที่สาธารณสุข จำนวนประมาณ 103 คนพากันไปรายงานตัวที่ อบจ.ศรีสะเกษ เนื่องจากได้ขอถ่ายโอนไปสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นตามความสมัครใจของตนเอง และมีข่าวว่า คณะอนุกรรมการบริหารภารกิจถ่ายโอนด้านสาธารณสุขให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ในการประชุมครั้งที่ 6/2566 เมื่อวันที่ 4 ก.ย.2566 มีมติเห็นชอบข้อมูลการถ่ายโอนภารกิจสถานีอนามัยเฉลิมพระเกียรติ 60 พรรษานวมินทราชินี และ รพ.สต.ให้แก่ อบจ.และจำนวนบุคลากรที่ประสงค์ถ่ายโอนมาสังกัด อบจ.ในปีงบประมาณ 2567 ตามที่กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นเสนอ แต่ปรากฏว่า จนถึงขณะนี้ยังไม่มีคำสั่งและหนังสือสั่งการแจ้งลงมาจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อแจ้งให้ข้าราชการที่ได้รับการถ่ายโอนเพื่อให้ไปปฏิบัติราชการที่สังกัดใหม่แต่อย่างใด เพียงแต่มีการแจ้งด้วยวาจาว่า ให้ข้าราชการที่มีรายชื่อได้รับการถ่ายโอนทั้ง 103 ราย ให้ไปปฏิบัติงานที่หน่วยงานใหม่ตามที่ได้รับการถ่ายโอนได้ตั้งแต่วันที่ 2 ต.ค. 2566 ที่ผ่านมา ขณะเดียวกันทางหน่วยงานต้นสังกัดเดิมทั้ง รพ.จังหวัด รพ.อำเภอได้ทำหนังสือเรียกตัวพยาบาลและเจ้าหน้าที่ที่ไปปฏิบัติหน้าที่ที่ รพ.สต.ให้กลับมาปฏิบัติหน้าที่ที่ต้นสังกัดเดิม เนื่องจากว่า ยังไม่มีคำสั่งและหนังสือสั่งการแต่อย่างใด เป็นการไปปฏิบัติราชการสังกัดใหม่ที่ไม่ชอบด้วยระเบียบกฎหมายของทางราชการ
นายแพทย์ทนง วีระแสงพงษ์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดศรีสะเกษ กล่าวว่า เรื่องนี้คงจะต้องดำเนินการตามระเบียบข้าราชการพลเรือนเพราะตอนนี้ต้องถือว่าพยาบาลทุกคนยังเป็นข้าราชการพลเรือน ต้องใช้ระเบียบข้าราชการพลเรือน ดังนั้นในส่วนของบุคลากรสาธารณสุขที่สังกัดอยู่ 5 หน่วยงานไม่ว่าจะเป็นทางโรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลทั่วไป โรงพยาบาลชุมชน สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด สำนักงานสาธารณสุขอำเภอ ซึ่งไม่ได้มีอยู่ในข้อตกลงของการถ่ายโอนไปยัง ระบบบริการสุขภาพปฐมภูมิท้องถิ่นตอนนี้เราได้ทำหนังสือไปที่หน่วยงานต้นสังกัดให้เรียกตัวพยาบาลให้กลับไปปฏิบัติติหน้าที่ยังต้นสังกัดเดิมก่อน เพราะขณะนี้ทางกระทรวงสาธารณสุขเองถ้าเป็น 5 หน่วยงานนี้ถือว่าปฏิบัติหน้าที่ในระบบตติยภูมิหรือทุติยภูมิคุณสมบัติยังต้องปฏิบัติหน้าที่ในส่วนของสถานบริการสุขภาพ ทุติยภูมิและตติยภูมิ ให้กลับมาไม่อย่างนั้นทางโรงพยาบาลศูนย์โรงพยาบาลทั่วไปและโรงพยาบาลชุมชนนี้ก็จะเดือดร้อน ประชาชนก็จะได้รับผลกระทบเนื่องจากอัตรากำลังขาดหายไปโดยที่ยังไม่ได้ดำเนินการอย่างถูกต้องตามขั้นตอน ซึ่งหากว่ามีพยาบาลผู้ที่ดื้อแพ่งไม่ยอมกลับมาปฏิบัติหน้าที่ต้นสังกัดเดิม ในเบื้องต้นได้แจ้งไปว่าจะต้องมีการดำเนินการในเรื่องของวินัย ดังนั้นจึงอยากให้บุคลากรทุกท่านได้ปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับของระเบียบข้าราชการ พลเรือนที่ท่านยังสังกัดอยู่ให้กลับมา เพราะขณะนี้หนังสือส่งตัว หนังสืออะไรต่างๆทั้งหลายนั้นจริงๆแล้วยังไม่มีปรากฏแน่ชัด ดังนั้นบุคลากรที่เข้าใจว่าจะต้องไปปฏิบัติหน้าที่ที่สังกัดใหม่นั้น ยังเป็นข้าราชการในสังกัด ข้าราชการพลเรือน และอีกอย่างหนึ่งเงินเดือนของเดือนนี้ก็ยังเป็นเงินเดือนที่ทางกระทรวงสาธารณสุข เป็นผู้ดำเนินการเบิกจ่ายให้ ก็อยากให้บุคลากรกลับมาปฏิบัติ หน้าที่ที่ตนสังกัดเหมือนเดิมโดยขอให้กลับมาในทันทีที่ได้ทราบเรื่องนี้ให้รีบกลับมาโดยด่วนที่สุด เพราะว่ากังวลในเรื่องของการขาดราชการเกิน 15 วันซึ่งถือว่าเป็นวินัยอย่างร้ายแรงและเป็นความผิดชัดแจ้ง โทษคือโดนไล่ออกจากราชการ ก็อยากให้บุคลากรทุกคนได้ปฏิบัติตามกฎระเบียบ
นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดศรีสะเกษ กล่าวต่อไปว่า ตนขอฝากถึงบุคลากรที่ไปปฏิบัติหน้าที่ที่สังกัดใหม่ว่า การดำเนินการต้องเป็นไปตามขั้นตอน การที่จะถ่ายโอนไปอยู่ทางท้องถิ่นนั้นมันก็จะต้องมีขั้นตอนจะต้องมีหนังสือแจ้งมายังปลัดกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งตรงนี้เท่าที่ทราบมายังไม่เห็นมีหนังสือมาแต่อย่างใด รวมทั้งรายชื่อผู้ที่จะถ่ายโอนไปก็ยังไม่มีรายชื่อปรากฏชัดเจนออกมา ก็จะเห็นมีแค่บางส่วนที่มีอยู่ในข้อตกลงแนวทางโครงการถ่ายโอนว่าเป็นเจ้าหน้าที่ที่ทำงานอยู่ใน รพ.สต.ที่ถ่ายโอนไป ส่วนบุคลากรที่อยู่ในสังกัดโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลที่ยังไม่ได้ถ่ายโอนไป ก็จะต้องรอมติของคณะกรรมการถ่ายโอนร่วมกัน จะต้องสื่อสารร่วมกันกับทางกระทรวงสาธารณสุข ว่าจะมีมติร่วมกันอย่างไรในการที่จะให้ถ่ายโอนไป ดังนั้นระหว่างนี้มตินี้ยังไม่ออกมา ก็อยากให้ทั้งในส่วนของบุคลากรที่อยู่ในกลุ่มที่เป็นบุคลากรของโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลที่ไม่ได้ถ่ายโอนไปด้วยให้กลับมาปฏิบัติหน้าที่ยังต้นสังกัดเดิม
นายแพทย์ทนง วีระแสงพงษ์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดศรีสะเกษ ยังกล่าวต่อไปว่า ซึ่งกรณีที่บุคลากรได้ทิ้งหน้าที่ราชการไป ปฏิบัติหน้าที่ยังสังกัดใหม่นั้น ทำให้เกิดผลกระทบต่อโรงพยาบาลสังกัดเดิมเป็นอย่างมาก เนื่องจากว่าแผนกบางแผนกต้องปิดตัวลงเนื่องจากอัตรากำลังหายไปโดยทันที ไม่ได้มีการเตรียมการความพร้อมอะไร ไม่ได้มอบงาน ไม่ได้ส่งมอบงานใดๆไปเลย บางครั้งมีการจัดเวรเอาไว้แล้วก็ไม่ได้มีการส่งมอบเวรต่อ ฝากเวรต่อหรือทดแทนเวรก็ทำให้เกิดปัญหากระทบต่อการให้บริการประชาชนที่เจ็บไข้ได้ป่วยเป็นอย่างมาก