กาฬสินธุ์-กกต.ให้ความรู้บทบาทหน้าที่การได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภาชุดใหม่
ภาพ/ข่าว:ทีมข่าวจังหวัดกาฬสินธุ์
วันที่ 21 ธันวาคม 2566 ที่ห้องประชุมศาลา จ.กาฬสินธุ์ ชั้น 4 สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดกาฬสินธุ์ จัดสัมมนาเรื่อง “บทบาท หน้าที่ อำนาจ และการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภาชุดใหม่ 2567” ซึ่งจัดขึ้นโดยความร่วมมือของคณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมืองและการมีส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภา กับสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง โดยมีนายสนั่น พงษ์อักษร ผู้ว่าราชการ จ.กาฬสินธุ์ นายธวัชชัย รอดงาม รองผู้ว่าราชการ จ.กาฬสินธุ์ ร้อยตำรวจเอกมนูญ วิเชียรนิตย์ ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการ การเลือกตั้งประจำ จ.กาฬสินธุ์ คณะกรรมาธิการ สมาชิกวุฒิสภา หัวหน้าส่วนราชการ นายอำเภอ และทุกภาคส่วนเข้าร่วมและให้การต้อนรับ
ร้อยตำรวจเอกมนูญ วิเชียรนิตย์ ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการ การเลือกตั้งประจำ จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า โดยที่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 78 บัญญัติให้รัฐพึงส่งเสริม ให้ประชาชนและชุมชนมีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับการปกครองระบอบ ประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และในโอกาสที่วุฒิสภา ชุดปัจจุบัน จะครบวาระในวันที่ 10 พฤษภาคม 2567 ซึ่งจะต้องมีการเลือกวุฒิสภาชุดใหม่ คณะผู้จัดสัมมนาจึงกำหนดจัดสัมมนาเรื่อง บทบาท หน้าที่ อำนาจ และการได้มา ซึ่งสมาชิกวุฒิสภาชุดใหม่ 2567 ขึ้น เพื่อเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ และสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับบทบาท หน้าที่ และอำนาจของวุฒิสภา และเพื่อเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ให้ความรู้เกี่ยวกับขั้นตอน วิธีการได้มาซึ่ง สมาชิกวุฒิสภา นอกจากนี้ยังเป็นการรับฟังปัญหาอุปสรรคเกี่ยวกับการเลือกกันเองของผู้สมัครเป็นสมาชิก วุฒิสภาพร้อมทั้งแนวทางแก้ไข
สำหรับการสัมมนาครั้งนี้เป็นการให้ความรู้ พร้อมทั้งเปิดโอกาสให้มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นใน 3 หัวข้อหลัก ประกอบด้วย 1. หัวข้อ “บทบาท หน้าที่และอำนาจ ของวุฒิสภาตามรัฐธรรมนูญ แห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560, 2. หัวข้อ “คุณสมบัติ ลักษณะต้องห้าม และการสมัครรับเลือกเป็นสมาชิก วุฒิสภาตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ.2561 และ 3. หัวข้อ “วิธีการเลือกสมาชิกวุฒิสภา” โดยผู้เข้าร่วมมีทั้งหัวหน้าส่วน ราชการ นายอำเภอ รวมทั้งบุคคลซึ่งมีความรู้ ความเชี่ยวชาญ ประสบการณ์ อาชีพ ลักษณะ หรือประโยชน์ร่วมกัน หรือทำงานหรือเคยทำงาน ด้านต่าง ๆ ที่หลากหลายของสังคมในแต่ละกลุ่ม ๒๐ กลุ่ม และนักศึกษา จากสถานศึกษาในพื้นที่