เพชรบุรี-ลักลอบตัดไม้หวงห้ามบริเวณโป่งแดงในเขตอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน
ภาพ/ข่าว:สุรพล นาคนคร
วันที่ 27 ธ.ค.66 นายมงคล ไชยภักดี หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2566 อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานได้ดำเนินการสำรวจแปลง อส. 2-1 ตาม ม.64 แห่ง พรบ.อุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562 โดยระหว่างการใช้ UAV trinity 90+ สำรวจจัดทำภาพถ่ายทางอากาศ บริเวณโป่งแดง (อยู่ระหว่างทางจาก หน่วย กจ.6 (เขามะเร็ว) ไปบ้านโป่งลึก) เจ้าหน้าที่ได้ยินเสียงเลื่อยโซ่ยนต์ จึงได้ใช้โดรน marvic 2 enterprise สำรวจโดยละเอียด เห็นร่องรอยการตัดไม้
ต่อมาวันที่ 26 ธันวาคม 2566 ชุดเฉพาะกิจอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จึงลงพื้นที่สำรวจภาคพื้นดิน พบการกระทำผิดตัดไม้ทำลายป่า ตรวจยึดไม้ของกลางจำนวน 20 ท่อน (ปริมาตร 12.5311 ลูกบาศก์เมตร) บริเวณป่าบ้านพุไทร ท้องที่หมู่ 3 ตำบลห้วยแม่เพรียง อำเภอแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี โดยพบของกลาง ประกอบด้วย ไม้หวงห้าม ประเภทไม้คาง จำนวน 9 ท่อน ไม้พุด จำนวน 2 ท่อน ไม้ตะคร้ำ จำนวน 1 ท่อน ไม้เลี่ยน จำนวน 1 ท่อน ไม้กระพี้ จำนวน 1 ท่อน ไม้ท่อน ประเภทไม้ปอยาบจำนวน 6 ท่อน คิดเป็นค่าเสียหายของรัฐเป็นเงิน 142,021 บาท (หนึ่งแสนสี่หมื่นสองพันยี่สิบเอ็ดบาท) ค่าภาคหลวง 429 บาท (สี่ร้อยยี่สิบเก้าบาท) ขณะเข้าตรวจสอบไม่พบตัวผู้กระทำผิด พบเพียงตอไม้ที่ถูกตัดจำนวน 17 ตอ และพบไม้จำนวน 20 ท่อน บริเวณแปลงสำรวจการถือครองที่ดิน รายนายอภิรักษ์ (สงวนนามสกุล) ตำบลสองพี่น้อง อำเภอแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี โดยนายอภิรักษ์ฯ เป็นผู้แจ้งครอบครองที่ดินตามมติ ครม. 30 มิถุนายน 2541 และได้แจ้งการสำรวจการครอบครองที่ดิน ตามมาตรา 64 แห่งพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ .2562 เขตสำรวจที่ 00018 เลขที่ดินสำรวจ 00004 – 00007 ท้องที่บ้านพุไทร หมู่ที่ 3 ตำบลห้วยแม่เพรียง อำเภอแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี ตามเอกสาร อส.3-1 คณะเจ้าหน้าที่จึงได้ทำการจัดทำบัญชีไม้ บันทึกค่าพิกัดตอไม้ ภาพถ่ายประกอบเอกสารแนบ และจัดทำบันทึกการตรวจยึด เพื่อส่งดำเนินคดี โดยได้กล่าวโทษ เจ้าของแปลงดังกล่าว ต่อพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรแก่งกระจาน โดยแจ้งข้อกล่าวหาความผิดตามพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562 มาตรา 19 (1) ประกอบมาตรา 41 (1) ฐาน “ยึดถือหรือครอบครองที่ดิน ก่อสร้าง แผ้วถาง เผาป่า หรือกระทำด้วยประการใด ๆ ให้เสื่อมสภาพหรือเปลี่ยนแปลงสภาพพื้นที่ไปจากเดิม” , มาตรา 19 (2) ประกอบมาตรา 42 (1) (3) ฐาน “ทำไม้หรือกระทำด้วยประการใดๆ แก่ไม้หวงห้ามในป่าโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่” , มาตรา 40 “ผู้ใดกระทำการหรืองดเว้นกระทำการไม่ว่าจงใจหรือประมาทเลินเล่อโดยมิชอบด้วยกฎหมายและก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัพยากรธรรมชาติในอุทยานแห่งชาติ วนอุทยานสวนพฤกษศาสตร์ หรือสวนรุกขชาติผู้นั้นต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายให้แก่รัฐตามมูลค่าทั้งหมดของทรัพยากรธรรมชาติที่ถูกทำลาย สูญหาย หรือเสียหายนั้น” ความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช 2484 , มาตรา 11 “ทำไม้ นำไม้ออกจากป่า กระทำด้วยประการใดๆ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่” , มาตรา 69 “ผู้ใดมีไว้ในครอบครอง ซึ่งไม้หวงห้ามอันยังมิได้แปรรูปโดยไม่มีรอยตราค่าภาคหลวงหรือรอยตรารัฐบาลขาย” และพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507, พระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2562 , มาตรา 14 ประกอบมาตรา 31 “ภายในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ทำไม้ หรือกระทำด้วยประการใด ๆ แก่ไม้หวงห้ามในป่าโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่”
สำหรับพื้นที่สำรวจถือครองของชาวบ้านในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ ตามมาตรา 64 พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562 เป็นการแก้ไขปัญหาให้กับราษฎรที่อยู่อาศัยทำกินในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ อยู่อาศัยทำกินได้อย่างถูกต้องโดยไม่ผิดกฎ หมาย ขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดทำกฎหมายลำดับรอง เพื่อให้มีผลบังคับใช้ในอนาคตอันใกล้นี้ อย่างไรก็ตาม ในพื้นที่สำรวจถือครอง ตามมาตรา 64 ดังกล่าวข้างต้น มีข้อห้ามมิให้มีการตัดต้นไม้ที่ขึ้นเองโดยธรรมชาติ โดยเฉพาะไม้มีค่า หากเกิดกรณีฝ่าฝืนกระทำผิดกฎหมาย กรมอุทยานแห่งชาติ จะเพิกถอนสิทธิการสำรวจถือครอง ดังนั้น จึงขอประชาสัมพันธ์ให้ผู้ที่ได้รับสิทธิอยู่อาศัยทำกินในเขตป่าอนุรักษ์ ห้ามตัดไม้มีค่าที่ขึ้นเองโดยธรรมชาติอย่างเด็ดขาด ซึ่งนอกจากจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมายแล้ว ยังจะถูกเพิกถอนสิทธิการสำรวจถือครองพื้นที่อยู่อาศัยทำกิน