ประจวบคีรีขันธ์-ข้องใจเขื่อนกันคลื่นทางจักรยานริมอ่าวประจวบสร้างเสร็จไม่นานพังเร็วกว่ากำหนด

ภาพ/ข่าว:เอกภพ วงษ์ประเสริฐ

          วันที่ 30 มกราคม 2567 ผู้สื่อข่าว จ.ประจวบคีรีขันธ์ ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนและนักท่องเที่ยวให้ไปตรวจสอบสภาพเส้นทางจักรยาน ที่สันเขื่อนกันคลื่น ริมอ่าวประจวบคีรีขันธ์ ตรงข้ามหน้าร้านอาหารรับลม ถนนสวนสน – อ่าวน้อย ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังใน เขตเทศบาลเมืองประจวบฯ หลังจากที่ผ่านมากรมโยธาธิการใช้งบประมาณ กว่า 100 ล้านบาท ก่อสร้างเส้นทางจักรยานมูลค่ากว่า 39 ล้านบาท เขื่อนกันคลื่นตลอดแนวชายหาด แต่สร้างเสร็จเปิดใช้งานจริงไม่นาน ช่วงที่ทะเลมีคลื่นลมแรง คลื่นได้พัดถล่มอย่างต่อเนื่องทำให้สิ่งปลูกสร้างได้รับความเสียหายอย่างหนักระยะทางกว่า 100 เมตร
          นายบุญเลิศ จันทพงษ์ โยธาธิการและผังเมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า ได้ไปดูความเสียหายในพื้นที่ก่อสร้างแล้ว ส่วนการซ่อมแซมต้องรอให้คลื่นลมสงบ ถามว่าจะซ่อมโดยโยธาหรือผู้รับเหมา ส่วนนี้ยังอยู่ในความรับผิดชอบของผู้รับเหมาต้องดำเนินการซ่อม เนื่องจากยังไม่สิ้นสุดสัญญา ส่วนกรณีที่ผู้รับเหมาอ้างว่าเส้นทางทรุดเพราะเจอคลื่นสูง เป็นเหตุสุดวิสัย ก็จะต้องตรวจสอบว่าปัญหาเกิดจากการก่อสร้างหรือเปิดจากคลื่นลมแรงทำให้ผู้รับเหมาต้องรับผิดชอบ ก็ต้องนำไปพิจารณาตามองค์ประกอบที่กำหนด แต่ถ้าหากมีการก่อสร้างที่ไม่ถูกต้อง ผู้รับเหมาก็ต้องรับผิดชอบ
          ส่วนจะทราบว่าใครจะซ่อมภายในกี่วันก็ต้องรอรายละเอียดจากหน่วยงานที่รับผิดชอบซึ่งโยธาจังหวัดได้แจ้งให้ทราบแล้ว และประสานกับผู้รับเหมาหากคลื่นลมก็เข้าดำเนินการโดยไม่ล่าช้าปล่อยไว้นาน ส่วนกรณีที่การก่อสร้างเส้นทางจักรยานมีการใช้เหล็กเส้นขนาดเล็กยอมรับว่ายังไม่เห็นแบบแปลน ส่วนการใช้งบทั้งหมดเท่าใด ตนเพิ่งย้ายมาใหม่ยังไม่ทราบ ส่วนโครงสร้างเดิมในจุดที่เสียหายเคยสร้างอะไรไว้แล้วเกิดความเสียหายตนยังไม่ทราบ แต่วิศวกรที่ออกแบบไว้เชื่อว่าโครงสร้างมีความมั่นคงแข็งแรง
          นายเสริมศักดิ์ สีมาพานิช ผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยว ถนนสวนสน – อ่าวน้อย เจ้าของรีสอร์ทแห่งหนึ่ง กล่าวว่า ขอให้เทศบาลเมืองประจวบฯจี้ให้ผู้รับผิดชอบโครงการก่อสร้างนำป้ายไปปิดประกาศชี้แจงสาเหตุ เหตุผลของความชำรุดเสียหาย มาตรการความปลอดภัย เนื่องจากประชาชน นักท่องเที่ยวทั้งคนไทยและชาวต่างชาติสงสัยว่าโครงการนี้สร้างเสร็จไม่นาน ทำไมทรุดพังอย่างรวดเร็ว ส่วนตัวถือว่าเป็นเรื่องที่น่าอับอาย หลังจากมีการใช้งบประมาณมากพอสมควร ขอให้หน่วยงานที่รับผิดชอบแก้ไขโดยด่วน และขอให้ข้าราชการระดับสูงในจังหวัดให้ความสนใจปัญหานี้