นราธิวาส-ลงนามMOUมาตรการป้องกันโควิด-19 ในการปฏิบัติศาสนกิจเดือนรอมฏอน
ภาพ-ข่าว:อมรรัตน์ เข็มขาว
จังหวัดนราธิวาส ลงนามMOU เรื่อง มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ว่าด้วยการปฏิบัติศาสนกิจในเดือนรอมฏอน ฮิจเราะห์ศักราช 1442 พ.ศ.2564
วันนี้ 11 เม.ย.64 เวลา 16.00 น. ที่ห้องประชุมชั้น 5 ศาลากลางจังหวัดนราธิวาส อ.เมือง จ.นราธิวาส นายเจษฎา จิตรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส เป็นประธานลงนาม MOU เรื่อง มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ว่าด้วยการปฏิบัติศาสนกิจในเดือนรอมฏอน ฮิจเราะห์ศักราช 1442 เพื่อขอความร่วมมือพี่น้องมุสลิมในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส ได้ตระหนักในการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัด ตามประกาศคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดนราธิวาสและคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดนราธิวาส โดยมีนายแพทย์วิเศษ สิรินทรโสภณ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนราธิวาส นายซาฟีอี เจ๊ะเลาะ ประธานกรรมการอิสลามประจำจังหวัดนราธิวาส ร่วมลงนาม MOUฯ
ด้วยในห้วงระหว่างวันที่ 13 หรือ 14 เมษายน – 12 หรือ 13 พฤษภาคม 2564 จะเป็นช่วงเดือนรอมฏอน ประจำปีฮิจเราะห์ศักราช 1442 (พ.ศ. 2564) ที่พี่น้องมุสลิมต้องปฏิบัติศาสนกิจการถือศีลอด การละหมาดตะรอเวียะห์ การเอี๊ยะติก๊าฟที่มัสยิด รวมทั้งการเลี้ยงละศีลอด ดังนั้น เพื่อให้การปฏิบัติศาสนกิจดังกล่าว เป็นไปด้วยความเรียบร้อย มีความครบถ้วนสมบูรณ์ตามบทบัญญัติศาสนา และในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส คณะกรรมการโรคติดต่อ จังหวัดนราธิวาสและคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดนราธิวาส
จึงขอความร่วมมือพี่น้องมุสลิมชาวจังหวัดนราธิวาสทุกท่าน ได้ตระหนักและปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ที่ออกโดยคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดนราธิวาสและประกาศจุฬาราชมนตรี ด้วยความเคร่งครัด ดังนี้ 1.งดถมน้ำลายในสถานที่สาธาร ณะโดยเด็ดขาด เพื่อลดการแพร่กระจายของเชื้อโรค 2.หลีกเลี่ยงการให้สลามด้วยการสัมผัสมือ การสวมกอด และการสัมผัสแก้ม แต่ให้ยกมือกล่าวคำทักทาย “อัสลามูอาลัยกุม”แทน 3.หลีกเลี่ยงการจัดเลี้ยงละศีลอดเป็นหมู่คณะ โดยผู้ดำเนินการถือปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) สถานที่จัดเลี้ยงต้องเป็นที่อากาศถ่ายเทได้สะดวกและมีการตรวจวัดอุณหภูมิ ล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ สวมหน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัย เว้นระยะห่าง 1 – 2 เมตร และแยกภาชนะจัดเลี้ยงเป็นส่วนบุคคล และงดการจัดอาหารแบบใส่ถาดรวม โดยแยกเป็นอาหารจานเดียว มีช้อนกลาง แก้วน้ำเฉพาะของตนเอง และต้องล้างมือให้สะอาดก่อนและหลังรับประทานอาหาร 4.หลีกเลี่ยงการไปสถานที่ที่มีการรวมตัวกันของคนเป็นจำนวนมาก เช่น ตลาดรอมฎอน หากจำเป็นควรเว้นระยะห่างระหว่างบุคคลอย่างน้อย 1-2 เมตร สวมหน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัยทุกครั้ง และล้างมือด้วยน้ำสบู่ หรือเจลแอลกอฮอล์ให้สะอาดอยู่เสมอ
5.หากสัมผัสบุคคลหรือไปสถานที่เสี่ยง เมื่อกลับเข้าบ้าน แนะนำให้รีบทำความสะอาดร่างกายอาบน้ำสระผม และเปลี่ยนเสื้อผ้าทันที 6.ให้มีการทำความสะอาดภายในมัสยิดและจุดสัมผัสร่วม เช่น มือจับประตู หน้าต่าง ด้วยน้ำยาฆ่าเชื้ออย่างน้อยวันละ 1 ครั้ง หลังละหมาดตะรอเวี่ยะห์ 7.การปฏิบัติศาสนกิจในมัสยิด เช่น การละหมาดวันศุกร์ การละหมาดตะรอเวียะห์ การเอี๊ยะตีกาฟให้มีการเว้นระยะระหว่างบุคคล 1-2 เมตร สวมหน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัยตลอดเวลา เปิดหน้าต่างและผ้าม่านเพื่อให้อากาศถ่ายเท่ได้สะดวก งดการใช้เครื่องปรับอากาศ และให้คัดกรองทุกคนก่อนเข้ามัสยิด หากมีอาการไข้ (อุณหภูมิตั้งแต่ 37.5 องศาเซลเซียสขึ้นไป) ไอ เจ็บคอ จมูกไม่ได้กลิ่น ลิ้นไม่รับรู้รส แม้จะมีอาการไม่มาก ให้งดเข้าร่วมและแนะนำให้สังเกตอาการที่บ้าน 8.การละหมาดตะรอเวียะห์ ให้กระชับเวลาในการปฏิบัติศาสนกิจไม่เกิน 45 นาที
หากพื้นที่ใดพบผู้ติดเชื้อหรือเกิดการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ให้คณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดใช้ดุลยพินิจร่วมกับคณะกรรมการอิสลามประจำมัสยิด โดยขอคำปรึกษาจากผู้ว่าราชการจังหวัด ในฐานะประธานกรรมการโรคติดต่อจังหวัดและผู้กำกับการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินจังหวัด ประกาศงดการจัดเลี้ยงละศีลอด งดการละหมาดวันศุกร์ ละหมาดตะรอเวียะห์ที่มัสยิด โดยให้ละหมาดที่บ้าน และงดการเอี๊ยะติกาฟที่มัสยิด เป็นกรณีไป