เชียงใหม่-จัดพิธีรับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นสายสะพาย

ภาพ-ข่าว:ศราวุธ เจิมจันทร์/นันธิกา กิจปาโล/พยุงศักดิ์ เทพแก้ว 
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงใหม่

             จังหวัดเชียงใหม่จัดพิธีรับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นสายสะพาย ประจำปี 2563 เพื่อเชิดชูเกียรติข้าราชการ จำนวน 98 ราย
                วันนี้ (31 มี.ค. 64) ที่ห้องลีลาวดี ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบพระชนมพรรษา อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ นายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่เป็นประธานในพิธีรับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นสายสะพาย ประจำปี 2563 เบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ของข้าราชการ จำนวน 98 ราย
              ทั้งนี้ เนื่องในโอกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นสายสะพายแก่ข้าราชการ ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้ขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ประจำปี 2563 เนื่องในโอกาสพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา วันที่ 28 กรกฎาคม 2563 เพื่อเป็นการเชิดชูเกียรติของข้าราชการผู้สมควรได้รับการเชิดชูเกียรติ และในส่วนของจังหวัดเชียงใหม่ มีข้าราชการที่ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นสายสะพาย ประจำปี 2563 จำนวน 98 ราย ซึ่งอยู่ในสังกัดของกระทรวงมหาดไทยและกระทรวงสาธารณสุข โดยมีข้าราชการที่ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ชั้นมหาวชิรมงกุฎ จำนวน 9 ราย ชั้นประถมาภรณ์ช้างเผือก จำนวน 2๙ ราย ชั้นประถมาภรณ์มงกุฎไทย จำนวน ๕๘ ราย และผู้ที่ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่สรรเสริญยิ่งดิเรกคุณาภรณ์ อีกจำนวน 2 ราย แยกเป็นเหรียญทองดิเรกคุณภรณ์ จำนวน 1 ราย และเหรียญเงินคุณาภรณ์ จำนวน 1 ราย
              เครื่องราชอิสริยาภรณ์ไทย เกิดขึ้นครั้งแรกในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยเรียกว่า “เครื่องราชอิสริยยศ” ต่อมาพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงสร้างเครื่องราชอิสริยยศขึ้นอีกหลายตระกูล และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้เปลี่ยนมาเรียกว่า “เครื่องราชอิสริยาภรณ์”สำหรับพระราชทานแก่พระบรมวงศานุวงศ์ ข้าราชการ และผู้กระทำคุณความดีให้แก่ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ทั้งที่เป็นบุรุษและสตรี ซึ่งการได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ถือว่าเป็นเกียรติที่มีคุณค่ายิ่งแก่ข้าราชการที่ได้ทำงานมาด้วยความวิริยะ อุตสาหะ ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริตและเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศชาติให้เจริญสืบไป