เชียงใหม่-พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่ม 12 รายพร้อมสั่งปิดสนามชนไก่
ภาพ-ข่าว:พยุงศักดิ์ เทพแก้ว / สุดาภรณ์ อินต๊ะธรรม
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงใหม่
จังหวัดเชียงใหม่ พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่ม 12 ราย พบระบาดในครอบครัวเป็นหลัก พร้อมสั่งปิดสนามชนไก่ สนามซ้อมชนไก่ หรือสนามแข่งขันอื่นในลักษณะทำนองเดียวกันและห้ามชุมนุมมั่วสุมในสถานที่แออัด
วันนี้ (25 พ.ค. 64) ที่ ศูนย์บัญชาการสถานการณ์การระบาดโรค Covid-19 จังหวัดเชียงใหม่ นายกนก ศรีวิชัยนันท์ ปลัดจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วย ดร.ทรงยศ คำชัย หัวหน้ากลุ่มงานควบคุมโรคติดต่อ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ ร่วมกันแถลงสถานการณ์การระบาดของโรค Covid-19 ระลอกเดือนเมษายนจังหวัดเชียงใหม่ประจำวัน
ดร.ทรงยศ คำชัย หัวหน้ากลุ่มงานควบคุมโรคติดต่อ เปิดเผยว่า วันนี้จังหวัดเชียงใหม่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ เพิ่มขึ้น 12 ราย หลังจากเมื่อวานไม่พบผู้ติดเชื้อเลย ทำให้มียอดผู้ติดเชื้อสะสมอยู่ที่ 4,060 ราย โดยผู้ติดเชื้อรายใหม่วันนี้มี 5 ราย ที่มีความเชื่อมโยงกับบริษัทขนส่งสินค้าแห่งหนึ่งในอำเภอสารภี สำหรับผู้ติดเชื้อทั้งหมด ขณะนี้รักษาหายแล้ว 3,762 ราย คิดเป็นร้อยละ 93 ของผู้ติดเชื้อทั้งหมด มีผู้รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลทุกประเภท จำนวน 277 ราย แยกเป็นกลุ่มผู้ป่วยที่ไม่มีอาการหรืออาการเล็กน้อย (สีเขียว) 220 ราย อาการปานกลาง (สีเหลือง) 32 ราย อาการค่อนข้างหนัก (สีส้ม) 16 ราย และผู้ป่วยอาการหนัก (สีแดง) 9 ราย วันนี้ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม ยอดผู้เสียชีวิตสะสมขณะนี้ยังคงอยู่ที่ 20 ราย
สำหรับการตรวจกลุ่มเสี่ยงและผู้สัมผัส ได้ทำการตรวจหาเชื้อไปทั้งหมด 1,046 ราย พบผู้มีผลบวกร้อยละ 0.56 ในภาพรวมพบการติดเชื้อร้อยละ 4.11 จากการตรวจสะสมทั้งหมด 103,000 ราย ด้านปัจจัยเสี่ยงการสัมผัสในครอบครัวและสถานที่ทำงานยังมีแนวโน้มสูงอยู่ ปัจจัยเสี่ยงจากการนำเข้า พบผลบวก 1 รายคือตรวจจากต่างจังหวัด แต่ไม่รอผลเดินทางกลับมายังจังหวัดเชียงใหม่ก่อน ดังนั้นจึงเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่จะต้องมีการเฝ้าระวังในขณะนี้อย่างใกล้ชิด
การตรวจคัดกรองเชิงรุก ช่วงนี้อยู่ระหว่างการวางแผนจะออกตรวจในแค้มป์แรงงานต่างด้าว ทั้งนี้ประชาชนสามารถแจ้งข้อมูลกลุ่มเสี่ยงมาที่สำนักงานสาธารณสุขและหน่วยงานปกครองในพื้นที่ได้ ส่วนการตรวจคัดกรองเชิงรุกพนักงานขับรถส่งของไปยังจังหวัดเสี่ยงสูงในช่วงที่ผ่านมา ตรวจไปแล้ว 26 ราย พบผู้มีผลบวก 5 ราย อยู่บริษัทเดียวกัน สำหรับกลุ่มผู้ติดเชื้อรายใหม่วันนี้ยังไม่มีการประกาศเป็นคลัสเตอร์ใหม่ โดยเป็นสถานการณ์ที่ยังเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด 3 เหตุการณ์ คือ พบการติดเชื้อในครอบครัวเดียวกัน พื้นที่อำเภอเมือง 5 ราย และอำเภอสันทราย 6 ราย และบริษัทขนส่งที่อำเภอสารภี พบผู้มีผลบวก 5 ราย โดยทีมสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ได้มีการตรวจผู้สัมผัสเสี่ยงสูงทั้งหมด 45 ราย จะทราบผลในวันพรุ่งนี้ ทั้งนี้หากมีการระบาดเพิ่มทางคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่จะประกาศเป็นกลุ่มผู้ติดเชื้อ หรือ คลัสเตอร์อีกครั้ง ส่วนคลัสเตอร์เดิม พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 1 ราย จากคลัสเตอร์งานศพ ตำบลข่วงเปา อำเภอจอมทอง ซึ่งเป็นการตรวจพบในครั้งที่ 2
จากสถานการณ์การเกิดคลัสเตอร์ต่างๆ ล้วนมีสาเหตุมาจากไม่หยุดอยู่บ้าน เดินทางไปพื้นที่เสี่ยง และจัดงานต่างๆ โดยการติดเชื้อระยะหลังส่วนใหญ่ผู้ติดเชื้อจะไม่มีอาการ ซึ่งยังพบว่าบางรายยังมีการเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ และทำกิจกรรมอยู่ โดยเฉพาะในครอบครัว ทำให้มีการติดเชื้อกันทั้งครอบครัว ทั้งนี้ขอให้คำนึงถึงมาตรการป้องกันโรคส่วนบุคคลอย่างเคร่งครัด จังหวัดเชียงใหม่จะปลดล็อคผ่อนคลายมาตรการต่าง ๆ ได้ หากทุกคนร่วมใจฉีดวัคซีน โดยพบว่ามีการลงทะเบียนจองวัคซีนแล้ว 170,000 กว่าคน
นายกนก ศรีวิชัยนันท์ ปลัดจังหวัดเชียงใหม่ ได้แจ้งถึงคำสั่งคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่ ที่ 60/2564 เรื่อง ปิดสถานที่ชั่วคราวและห้ามการชุมนุมมั่วสุม ซึ่งขณะนี้พบว่ามีการลักลอบเล่นการพนันชนไก่และการพนันรูปแบบอื่นมากมาย ซึ่งเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยที่ประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่ มีมติให้ยกเลิกคำสั่งคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่ ที่ 14/2564 เรื่องมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดจากเชื้อไวรัสโควิด-19 ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ (งดออกใบอนุญาตการจัดให้มีการเล่นพนัน) โดย มีคำสั่งให้ปิดสนามชนไก่ สนามซ้อมชนไก่ สนามกัดปลา สนามชนกว่าง สนามชนโค หรือสนามแข่งขันอื่นในลักษณะทำนองเดียวกัน ห้ามการชุมนุมมั่วสุม หรือทำกิจกรรม ณ ที่ใดๆ ในสถานที่แออัด หรือสถานที่อื่นในลักษณะเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ และให้พนักงานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ฝ่ายความมั่นคง และพนักงานเจ้าหน้าที่อื่นที่มีหน้าที่รับผิดชอบ ประสานการปฏิบัติงานอย่างใกล้ชิดและเพิ่มความเข้มงวดในการปฏิบัติการสอดส่องและเฝ้าระวังเพื่อป้องกันการลักลอบเล่นการพนันและให้ดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมายเพื่อปราบปรามต่อไป ผู้ใดฝ่าฝืน ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองหมื่นบาท ตามมาตรา 51 แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ.2558 หรือจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับตามมาตรา 52 แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ.2558 แล้วแต่กรณี ทั้งนี้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง