ประจวบคีรีขันธ์-สองผัวเมียร้องสื่อ..ชีวิตลำบากเพราะโควิด ดันถูกโจรขโมยเครื่องมือทำกิน
ภาพ-ข่าว:ณัฐพัชญ์ วงศ์ประเสริฐบุรี
วันที่ 6 ก.ค.64 นายธนัท วัฒนากูล อายุ 36 ปี พร้อมนางมาศสุภา วัฒนากูล อายุ 33 ปี นำคลิปหลักฐานกล้องวงจรปิดที่ไปขอมาจากเพื่อนบ้านข้างเคียงที่ใจดีเข้าร้องเรียนกับสื่อมวลชนจังหวัดประจวบ ขอให้ช่วยนำเสนอข่าวความเดือดร้อน เพื่อเป็นอุทาหรณ์เตือนใจให้ชาวบ้านคนอื่นได้ระมัดระวังตัวเอง และขอให้ตำรวจช่วยตามจับหัวขโมยได้โดยไว และนำเครื่องมือทำกินที่สูญหายไปมาคืนครอบครัว โดยเหตุเกิดเมื่อเวลาประมาณ 03.10 น.ของวันที่ 29 มิ.ย.64 ที่ผ่านมา ที่บ้านเช่า เลขที่ 164 ถนนประจวบศิริ เขตเทศบาล อำเภอเมืองประจวบ ซึ่งเปิดเป็นร้านรับจ้างซักรีด ผ่านไปแล้ว 1 สัปดาห์ ตำรวจยังไม่สามารถตามจับหัวขโมยรายดังกล่าวได้
โดยพฤติกรรมของหัวขโมยรายนี้ขับขี่รถจักรยานยนต์พ่วงข้างซาเล้ง มาจอดที่บริเวณซอยด้านข้างบ้าน ช่วงเวลา 03.10 น.จากนั้นเดินเข้าไปในซอยหลังบ้านแล้วเข้าไปหยิบ เครื่องสะพายตัดหญ้า มูลค่าประมาณ 3,000 บาท 1 เครื่อง และ บันไดอลูมิเนียมยาว 9 ขั้น มูลค่ากว่า 3,000 บาท อีก 1 อัน ใส่รถซาเล้งและขับขี่หลบหนีไปตามถนนประจวบศิริ มุ่งหน้าถนนเพชรเกษม โดยใช้เวลาไม่ถึง 5 นาที ซึ่งกล้องวงจรปิดของชาวบ้านที่อยู่ริมถนนสามารถจับภาพได้เป็นระยะๆ แต่ตำรวจยังไม่สามารถตามจับหัวขโมยได้ เนื่องจากภาพจากกล้องวงจรปิดปรากฏภาพไม่ชัดเจน ทำให้ครอบครัวต้องเสียเครื่องมือในการประกอบอาชีพ รวมมูลค่ากว่า 5,000 บาทไป
นายธนัท วัฒนากูล อายุ 36 ปี ซึ่งเป็นผู้เสียหายให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า ตนเองมีอาชีพรับจ้างทั่วไป เช่น รับจ้างตัดหญ้า และงานซ่อมเล็กๆน้อยๆตามบ้าน ส่วนภรรยารับจ้างซักรีด และรับจ้างทำความสะอาดบ้าน โดยในช่วงสถานการณ์โควิดระบาดตนกับภรรยามีงานลดน้อยลง ก็ทำให้ครอบครัวได้รับความลำบากอยู่บ้าง ส่วนของที่หายไปเป็นอุปกรณ์เครื่องมือในการรับจ้างทำงาน เครื่องสะพายตัดหญ้า เอาไว้รับจ้างตัดหญ้าตามสวน ส่วนบันไดเอาไว้รับจ้างทำไฟซ่อมหลังคา โดยก่อนวันเกิดเหตุตนได้ เอาเครื่องตัดหญ้าวางไว้ที่หลังบ้านและบันไดอลูมิเนียมแขวนไว้ หลังจากเสร็จจากรับจ้างตัดหญ้า ซึ่งตนพักอาศัยอยู่ที่บ้านหลังนี้มาเป็นเวลา 5 ปี ไม่เคยเกิดเหตุมีของสูญหาย และในบริเวณใกล้เคียงนี้เพื่อนบ้านก็ไม่เคยเกิดเหตุมีของสูญหาย ซึ่งครั้งนี้เป็นครั้งแรก หลังจากเกิดเหตุทำให้ทุกคนระวังทรัพย์สินตนเองมากขึ้น เนื่องจากหวาดกลัวของสูญหาย
หลังจากเกิดเหตุได้ประมาณ 1 สัปดาห์ ก็ยังไม่มีวี่แววที่ตำรวจจะตามหาตัวหัวขโมยเจอ โดยที่ผ่านมากล้องวงจรปิดที่ได้เป็นหลักฐานตนเองก็ต้องไปบากหน้าขอดูจากเพื่อนบ้านที่ติดกล้องวงจรปิดด้วยตัวเอง และเขาก็ใจดีให้ความอนุเคราะห์ พอโทรศัพท์ไปสอบถามกับตำรวจก็ได้รับคำตอบว่า ภาพกล้องวงจรปิดไม่ชัดไม่สามารถรู้ตัวคนก่อเหตุได้ ซึ่งโดยส่วนตัวตนเองสงสัยคนที่มานอนพักอยู่ใกล้ๆบ้าน เนื่องจากจำท่าทางลักษณะการเดินได้ และสิ่งของเก็บไว้หลังบ้านคนนอกจะไม่รู้ยกเว้นคนที่เคยมาคลุกคลีอยู่บริเวณนี้ มิฉะนั้นจะรู้ได้อย่างไรว่าทรัพย์สินที่หายไปวางอยู่ตรงไหน และใช้เวลาเดินไปหยิบเพียงไม่กี่นาทีเท่านั้น