นครปฐม-“หลวงพี่น้ำฝน”เตรียมซ่อมเมรุเพิ่มเตาเผาหลังเผาศพผู้ติดโควิดหนักจนเริ่มทรุด
ภาพ-ข่าว:อริย์ธัช พรอัศวโยธิน
เมรุวัดไผ่ล้อมปล่องควันระเบิด เริ่มแตกร้าว..!! หลังกรำงานหนักจากการเผาศพผู้ติดเชื้อโควิด-19 อย่างต่อเนื่องทุกวันรวมกว่า 150 ศพ “หลวงพี่น้ำฝน”ลั่นไม่หยุดเผา ทุ่มงบอีก 2.5 ล้านบาทเตรียมขยายสร้างเตาเผาคู่ ส่วนศพผู้ติดเชื้อโควิด-19ช่วงนี้จะใช้เตาเผาสำรองฌาปนกิจศพหน้าพลับพลาชั่วคราว
เมื่อเวลา 12.00 น.วันนี้(24 ส.ค.64) พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หรือหลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผล้อม อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม ได้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนถึงกรณีที่เมรุเตาเผาเริ่มมีการแตกร้าว เนื่องจากการใช้งานอย่างหนักในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ที่มีผู้เสียชีวิตจากการแพร่ระบาดในทุกๆวัน ซึ่งวัดไผ่ล้อมได้ดำเนินการเผาศพไปแล้วกว่า 150 ศพ จึงทำให้เตาเผาที่มีอยู่เกิดการเสื่อมสภาพเร็วมากขึ้น โดยหลวงพี่น้ำฝน ได้เตรียมการซ่อมแซมและติดตั้งเตาเผาเพิ่ม รวมเป็น 2 เตาในคราเดียวกัน เพื่อให้รองรับการเผาศพในวันละ 5-6 ศพต่อวัน ส่วนระหว่างการดำเนินการได้เตรียมแผนงานสำรองในการเผาศพโดยใช้เตาเผาที่สำรองไว้ตั้งทำฌาปนกิจบริเวณหน้าพลับพลาหน้าพระเมรุ จนกว่าเตาเผาใหม่จะเสร็จสมบูรณ์ โดยหลวงพี่น้ำฝนเชื่อว่า
พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม กล่าวว่า ที่ผ่านมาทางวัดไผ่ล้อมได้นำคณะสงฆ์ประกอบพิธีฌาปนกิจศพแบบเร่งด่วนให้กับผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เป็นโครงกา รสวด เผาฟรี โดยกองทุนหลวงพ่อพูล ซึ่งมีญาติโยมและบุคคลในครอบครัวเดินทางมาร่วมในพิธีเพื่อร่วมส่งดวงวิญญาณเป็นครั้งสุดท้ายด้วยความสงบ โดยในขณะนี้หลังจากที่ได้ให้เจ้าหน้าที่ของวัดไผ่ล้อมและฝ่ายช่างได้สำรวจเตาเผาศพอย่างละเอียด รวมถึงขณะที่กำลังเผาศพและใช้อุณหภูมิสูงสุดก็ได้ให้ตรวจสอบความร้อนและรอยแตกร้าวที่กำลังเกิดขึ้นหลายแห่งเนื่องจากไม่นานมานี้ขณะที่กำลังทำพิธีเผาศพให้กับผู้เสียชีวิตยอดเมรุได้เกิดความเสียหายและที่ยอดของเมรุได้แตกหักลงมาบนหลังคา ทำให้เกิดเสียงดังสนั่นขณะกำลังจัดพิธีซึ่งทำให้เกิดความตกใจของสัปเหร่อและเจ้าหน้าที่ที่กำลังเร่งเผาร่างของผู้เสียชีวิตที่ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งช่วงระยะไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมาได้ปรากฏรอยร้าวที่ปล่องเมรุตามมา และเริ่มมีรอยกว้างขึ้นอย่างรวดเร็วและเห็นได้ชัดเจน จึงต้องเตรียมแผนการปรับปรุงซ่อมแซมและต่อเติมเตาเผาใหม่เพิ่มขึ้นเพื่อให้เพียงพอต่อการใช้งานตามสถานการณ์
พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม กล่าวอีกว่า ปัจจุบันจากตัวเลขพบว่ามียอดผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 สะสมแล้วเกือบ 300 คน โดยที่วัดไผ่ล้อมได้มีการเผาศพทุกวันไม่มีวันหยุด ซึ่งปกติจะเผาอยู่ที่ 2 ศพต่อวัน และมีการเพิ่มยอดการเผาเป็น 3 ศพต่อวัน ทำให้แป้นปูนที่เป็นลายกนกบนยอดเมรุ ได้หักพังตกลงมาบนหลังคาโชคดีที่ไม่ทะลุลงมาโดนศรีษะพระสงฆ์และคนที่อยู่ภายในงาน ซึ่งตอนนี้ได้ให้เจ้าหน้าที่และฝ่ายช่างได้มีการตรวจสอบความเสียหายทั้งหมดพบว่าที่ยอดเมรุเกิดความร้อนสะสมอย่างต่อเนื่องซึ่งทำให้ปูนผุกร่อนและมีหลายฝั่งกำลังจะพังลงมา ส่วนที่ตัวปล่องอิฐมีการเกิดการแตกร้าวและเริ่มมีรอยร้าวกว้างมากขึ้นซึ่งรอยแตกจะแผ่กว้างขึ้นทุกครั้งที่มีการเผาศพ 1 ศพและการตรวจสอบในช่องบรรจุโลงสำหรับเผาก็พบว่าอิฐที่วางเรียงอยู่ภายในก็สึกกร่อนไปไวมาก ซึ่งจากการประเมินสถานการณ์พบว่าตัวเลขของผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในจังหวัดนครปฐมและจังหวัดใกล้เคียงก็ยังไม่ลดลง
การประสานขอจองเมรุเผาศพที่วัดไผ่ล้อมก็มีคิวจ่อมาไม่หยุด จึงได้มีการวางแผนที่จะซ่อมส่วนที่เสียหายและสร้างเตาเผาแบบคู่ขึ้นมาเพื่อรองรับการเผาศพให้เพียงพอและทันต่อสถานการณ์ในช่วงนี้ ซึ่ง“เมรุและเตาเผาศพที่วัดไผ่ล้อมจัดสร้างขึ้นมามีอายุการใช้งานมาแล้ว 16 ปี ซึ่งโยมมารดาของอาตมาได้นำเงิน 1.5 ล้านมาถวายเพื่อทำเป็นเมรุแบบปลอดมลพิษไร้ควัน ซึ่งในเวลาปกติก็ไม่ได้มีศพเข้ามามากขนาดนี้ แต่ในช่วง 2 ปีนี้ เฉพาะศพที่เสียชีวิตจากการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 นั้นพุ่งไปถึง 140 กว่าศพยิ่งระยะหลังมีผู้เสียชีวิตไม่ลดลงทำให้เตาเผาและเมรุของวัดไผ่ล้อมทำงานทุกวัน ซึ่งสุดท้ายก็ทนกับสภาพการใช้งานหนักที่เกิดขึ้นทุกวันไม่ไหว และไม่ใช่แค่ที่ศพโควิด-19 แต่เมรุที่นี่เผามาตั้งแต่ครั้งที่โรคเอดส์ระบาดหนัก มาถึงผู้ป่วยด้วยโรคร้ายอื่นๆ ที่วัดตั้งแต่ยุคเก่าไม่กล้ารับ จนมาถึงยุคนี้ที่วัดไผ่ล้อมเป็นวัดแรกที่ประกาศในการรับเผาศพที่ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งแม้ทางวัดจะดูแลเมรุเป็นอย่างดีแต่สุดท้ายก็ทนไม่ไหวกับการใช้งานหนัก ถึงเวลาที่ต้องเร่งซ่อมและสร้างเมรุยังแบบเตาคู่ไปเลยในคราวเดียว แต่เราจะไม่หยุดการเผาศพที่ติดเชื้อมาซึ่งได้วางแผนรองรับมาตรการไว้หมดแล้ว รวมถึงพิธีการก็จะยังคงพิธีการครบถ้วนเหมือนเดิมทุกอย่าง” หลวงพี่น้ำฝน กล่าว
หลวงพี่น้ำฝน กล่าวต่อว่า สำหรับการสร้างเตาแบบคู่ขึ้นมาจะทำให้วัดไผ่ล้อมมีศักยภาพในการเผาศพได้มากขึ้น จากเดิมที่เคยเผาได้สูงสุดวันละ 3 ศพ ก็จะสามารถเผาได้วันละ 6 ศพ เนื่องจากเตาเผาชุดใหม่จะใช้น้ำมันลดลงจาก 80 ลิตรเหลือเพียง 30 ลิตรต่อศพ และใช้เวลาในการเผาลดลงจาก 5-6 ชั่วโมงเหลือเพียง 3 ชั่วโมงต่อศพ โดยจะเป็นการทั้งลดเวลา ลดค่าใช้จ่ายแต่สามารถทำงานได้มากขึ้นด้วย โดยตอนนี้ได้วางแผนไว้หมดแล้ว โดยในช่วงการบูรณะซ่อมแซมเมรุและก่อสร้างเตาเผาศพเพิ่มเป็น 2 เตา จะมีการวางแผนบรรจุโลงศพขึ้นที่ด้านหลังของเตาซึ่งสามารถทำได้ และแบ่งส่วนสร้างกับซ่อมให้สอดคล้องกัน โดยทีมช่างมีการวางแผนไว้ครบถ้วนแล้ว โดยในวันที่ 28 สิงหาคมนี้ จะมีพิธีการบวงสรวงเพื่อซ่อมแซมและสร้างเตาเผาปลอดมลพิษ โดยในเวลา 09.09 น. จะมีพิธีการบวงสรวงบูชาเทพยดา และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และในเวลา 21.59 น. จะบวงสรวงซ่อแซมและสร้างเตาเผาปลอดมลพิษ ซึ่งจะมีการไลฟ์สด ทางเพจหลวงพ่อพูล วัดไผ่ล้อม จ.นครปฐม และเป็นการจัดงานที่งดผู้เข้าร่วมพิธีภายในงานด้วย
“แม้ว่าการเผาศพอาตมาก็ไม่อยากให้เกิดขึ้น แต่ด้วยหลักธรรมการเกิด แก่ เจ็บ ตายเป็นเรื่องที่หลบเลี่ยงไม่ได้ สถานการณ์ยามนี้ การเร่งแก้ไขและช่วยสังคมเป็นสิ่งที่วัดและพระจะต้องทำให้สอดคล้องกับช่วงเวลาและทางวัดไผ่ล้อมก็ได้วางแนวคิดว่าวัดไผ่ล้อมจะทำงานในทุกมิติเพื่อให้เป็นวัดที่สร้างประโยชน์ให้กับพุทธศาสนิกชนและประชาชนให้ได้มากที่สุดโดยเฉพาะในยามที่สถานการณ์บ้านเมืองเกิดสถานการณ์วิกฤติเช่นนี้”หลวงพี่น้ำฝนกล่าวในที่สุด