นครราชสีมา-บจก.เอกอุทัย ยันเหตุเพลิงไหม้..!!ไร้สารเคมีอันตราย
ภาพ-ข่าว:อริย์ธัช พรอัศวโยธิน / อรกัญญา หลิมสัมพันธ์
ผู้บริหาร บริษัท เอกอุทัย จำกัด พาสื่อมวลชนดูสถานที่เกิดเหตุเพลิงไหม้อาคารเก็บเชื้อเพลิงทดแทน หลังเกิดเพลิงลุกไหม้กลางดึก พบว่ามีความเสียหายเล็กน้อย พร้อมยืนยันไม่มีสารเคมีอันตราย มูลค่าความเสียหายเพียงหลักแสนบาทเท่านั้น
จากกรณีเกิดเหตุเพลิงไหม้อาคารพักเก็บเชื้อเพลิงทดแทน 041 (ของแข็ง) ชั่วคราว ภายใน บริษัท เอกอุทัย จำกัด สาขากลางดง ต.กลางดง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา เมื่อเวลาประมาณ 03.00 น.ของวันที่ 4 กันยายน ที่ผ่านมา ซึ่งมีสื่อบางแห่งได้นำเสนอข่าวที่ไม่ตรงกับข้อเท็จจริงในบางประเด็น เกี่ยวกับการประกอบกิจการของบริษัท ซึ่งทางผู้บริหารของบริษัทฯได้เปิดโรงงานนำสื่อมวลชนเข้าดูสถานที่เกิดเหตุ พร้อมยืนยันว่าไม่มีสารเคมีอันตรายตามที่มีการนำเสนอข่าวออกไปแต่อย่างใด
เมื่อเวลา 14.00 น.วันนี้(4 ก.ย.64) นายกลวัชร เทพาพรสุวรรณ์ กรรมการบริหารบริษัท เอกอุทัย จำกัด ได้นำสื่อมวลชนเข้าดูจุดเกิดเหตุบริเวณโกดังแบบเปิดมีความกว้าง 10 เมตร ยาว 20 เมตร มีร่องรอยความเสียหายจากเพลิงไหม้ ตามพื้นเจิ่งนองไปด้วยน้ำที่ใช้สกัดเพลิง นอกจากนี้ยังพบวัสดุเชื้อเพลิงทด แทนบางส่วนที่ถูกเพลิงไหม้ยังอยู่ด้านใน ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นซากเศษพลาสติกและเศษไม้ ส่วนความเสียหายที่พบเห็นจะเป็นตัวอาคารด้านในและเพดานหลังคาที่ยังคงมีร่องรอยไฟไหม้ เสียหายไม่มากนัก ส่วนไซโลที่เก็บปูนขนาดใหญ่มีเพียงคราบเขม่าสีดำบริเวณโดยรอบ ไม่มีความเสียหายแต่อย่างใด
นายกลวัชร กล่าวว่า บริษัท เอกอุทัย เป็นบริษัท ผลิตปูนขาว ซึ่งรับซื้อวัสดุเชื้อเพลิงที่เป็นกากอุตสาหกรรม มาเป็นเชื้อเพลิงทดแทนถ่านหินสำหรับเผาปูนขาว โดยบริษัทฯได้รับซื้อกากอุตสาหกรรมจากโรงงานต่างๆมาเป็นเชื้อเพลิง ซึ่งก่อนรับซื้อจะส่งรายละเอียดให้กรมโรงงานอุตสาหกรรมพิจารณา เมื่อได้รับอนุญาตจึงรับซื้อมา และนำมาพักไว้ในโกดัง ซึ่งเป็นจุดที่เพลิงไหม้ดังกล่าว
นายกลวัชร กล่าวต่ออีกว่า หลังเกิดเหตุตนได้ติดตามข่าวสาร พบว่ามีสื่อบางแห่งได้นำเสนอข่าวผิดไปจากข้อเท็จจริง โดยระบุว่า เป็นเหตุเพลิงไหม้โก ดังสารเคมีของบริษัทฯ ซึ่งทำให้เกิดการเข้าใจผิดและอาจมีผลสร้างความเสียหายให้กับทางบริษัทฯ เนื่องจากทางบริษัทฯไม่ได้มีการสต็อกสารเคมี มีแต่เชื้อเพลิงสำหรับเผาปูนขาว อาทิ เช่น ไม้พาเลซ พลาสติก และขยะเหลือใช้ ไม่มีสารเคมีที่เป็นอันตรายแต่อย่างใด อีกทั้ง บริษัทฯก็ไม่ได้รับกำจัดกากอุตสาห กรรม หรือสารเคมีอันตราย เป็นเพียงการนำกากอุตสาหกรรมที่ถูกกฎหมายที่ได้รับการอนุญาตฯ มาเป็นเชื้อเพลิงทดแทนสำหรับเผาปูนขาวเท่านั้น
ส่วนการเกิดเพลิงไหม้ในครั้งนี้ทำให้ตัวอาคารเสียหายเพียงบางส่วน และในเรื่องของผลกระทบจากกลิ่นเผาไหม้นั้น ตอนเกิดเหตุกลิ่นจากการเผาไหม้อยู่ภายในบริเวณโรงงานซึ่งมีบริเวณกว้างขวางมากกว่า 20 ไร่ ไม่ทำให้กลิ่นออกไปสู่ภายนอกแต่อย่างใด ส่วนผลกระทบต่ออากาศนั้น ทางเจ้าหน้าที่ทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม ได้มีการดำเนินการตรวจวัดค่ามลพิษอยู่ในขณะนี้ แต่จากการสังเกตเพลิงไหม้พบว่าอยู่ในวงจำกัด และไหม้เป็นเวลาไม่เกิน 1 ชั่วโมง คาดว่า ในเรื่องของมลพิษคงไม่มีปัญหา
นายกลวัชร กล่าวอีกว่า“ บริษัทคำนึงถึงมลพิษที่มีผลต่อสภาพสิ่งแวดล้อม และความปลอดภัยของชาวบ้าน ในชุมชนมาก ได้มีการติดต่อสอบถาม และตรวจสอบไปยังหน่วยงานต่างๆ ทั้งตำรวจ สาธารณสุข แต่ก็ไม่พบว่ามีการร้องเรียนแต่อย่างใด ขณะเดียวกัน บริษัทได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปสอบถามผู้อยู่อาศัยและตรวจสอบในพื้นที่รอบๆโรงงานรัศมี 4-5 กิโลเมตรไม่พบว่า มีมลพิษเช่นกัน”
นายธนิก ปะมา ผู้จัดการ บริษัท เอกอุทัย จำกัด บอกว่า จุดที่เกิดเหตุอาคารพักเก็บเชื้อเพลิงทดแทน 041 (ของแข็ง) ชั่วคราว มีปริมาณเชื้อเพลิงทดแทน (ของแข็ง) อยู่ประมาณ 4 ตัน และภาชนะหมุนเวียนได้แก่ เบ้าท์ 15 ใบ และ ถัง 200 ลิตร 70 ใบ ซึ่งเจ้าหน้าที่ใช้เวลา 1 ชม.ในการฉีดสกัดเพลิงจนสงบ ส่วนสาเหตุของการเกิดเพลิงไหม้นั้น อยู่ในขั้นตอนการทำงานของเจ้าหน้าที่ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน ซึ่งการเกิดเพลิงไหม้ในครั้งนี้อยู่ในวงจำกัด ไม่สร้างความเสียหาย หรือส่งผลกระทบ ต่อเครื่องจักรในกระบวนการผลิตของโรงงานและสภาพแวดล้อมแต่อย่างใด โดยได้มีการประเมินโดยวิศวกรโรงงานแล้ว รวมทั้งบริษัท ฯ จะมี มาตรการป้องกันการเกิดเหตุการณ์ซ้ำ ภายหลังได้รับข้อสรุปจากศูนย์พิสูจน์หลักฐาน ต่อไป