นครปฐม-“คิดไม่ออกบอกหลวงพี่”ออกพรรษา มหาบารมี
เรื่องโดย:พระครูปลัดสิทธิวัฒน์
เจริญพรญาติโยมผู้อ่านทุกท่าน เมื่อญาติโยมได้อ่านจุดไฟในใจคนฉบับนี้ ก็คงเป็นเวลาใกล้ออกพรรษาแล้ว หลังจากครบไตรมาส สามเดือนแห่งการจำพรรษา ตามประเพณีก็ถือว่าเป็นโอกาสที่พุทธศาสนิกชนจะได้ร่วมกันทำบุญอุทิศแด่พระพุทธศาสนา เช่น ตักบาตรเทโว หรือการเตรียมตัวเข้าสู่เทศกาลกฐิน อันเป็นบุญตามพุทธบัญญัติที่มีเพียงครั้งเดียวต่อปี
วันนี้อาตมาจะเล่าเรื่องหนึ่ง คือ เรื่องพระมาลัย คนเก่าคนแก่ก็คงจะจำได้ว่ามีการสวดพระมาลัย เป็นที่นิยมชมชอบกันมาก พระมาลัยเป็นผู้มีฤทธิ์มาก ได้ลงไปโปรดสัตว์ในนรก ให้ได้พบแสงสว่าง ให้ผู้คนในโลกมนุษย์ได้ช่วยเหลือแผ่บุญกุศลไปยังผู้ทนทุกข์ในนรก นับว่าได้กระทำการดุจพระโมคคัลลานะอัครสาวก
วันหนึ่งเมื่อพระมาลัยอยู่บนโลกมนุษย์ ได้พบกับชายเข็ญใจคนหนึ่งที่เด็ดดอกบัวแปดดอกนำมาถวาย อธิษฐานว่าขอให้ตนร่ำรวยทันตาเห็น เฮง ๆ ปัง ๆ ทันที พระมาลัยจึงบอกว่าความคิดนี้พ้นวิสัยที่จะเป็นไปได้ การทำทานที่ให้ผลได้ดีที่สุด คือ ผู้รับทานเป็นอริยบุคคล ทานที่ให้เป็นของที่ได้มาโดยสุจริต มีเจตนาจะให้ทานโดยแท้จริง พระมาลัยได้แนะแก่ชายผู้เข็ญใจว่า ให้ระลึกถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ชายเข็ญใจได้ทำตามนั้นแล้วอธิษฐานว่าด้วยผลแห่งทานนี้ขอให้ไม่ว่าจะเกิดในภพชาติใดขอให้ไม่เข็ญใจอีก พระมาลัยจึงอวยพรให้เป็นไปตามปรารถนา
ต่อมาพระมาลัยเห็นว่า เป็นการสมควรจะขึ้นไปยังพระเกศแก้วจุฬามณี บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์อันเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ พระมาลัยก็ขึ้นไปบนนั้น และนอกจากความประสงค์จะไหว้พระจุฬามณีแล้ว ยังอยากจะพบกับพระศรีอาริยเมตไตรย อนาคตพระพุทธเจ้าองค์ถัดไป เมื่อได้พบกับพระอินทร์ พระมาลัยเห็นเทวดาพากันมาไหว้พระจุฬามณี ก็ชีเถามว่าเทวดาองค์นั้นองค์นี้ใช่พระศรีอาริยเมตไตรยหรือไม่ พระอินทร์ก็บอกว่าไม่ใช่ แต่เป็นเทวดาที่จุติมาด้วยผลกรรมดีประการต่าง ๆ
ในที่สุดพระมาลัยก็ได้มาพบกับพระศรีอาริยเมตไตรย ได้รับการถ่ายทอดถึงโลกสมัยพระศรีอาริย์ที่เต็มไปด้วยความสมบูรณ์พูนสุข และได้ให้คำแนะนำว่าการจะได้ไปเกิดในสมัยนั้นต้องทำอย่างไรบ้าง หนึ่งในนั้นคือการฟังเทศน์มหาชาติให้จบคราวเดียว ให้หมั่นสร้างบุญกุศลไว้ พระมาลัยก็นำเรื่องราวมาถ่ายทอดแก่โลกมนุษย์
แก่นจริง ๆ ของพระมาลัย มีหลายเรื่อง แต่เรื่องหนึ่งที่น่าสนใจ คือ พุทธศาสนาไม่ทอดทิ้งใครไว้ข้างหลัง แม้คนที่ใคร ๆ ก็รังเกียจ คนที่ชาวโลกไม่คิดว่าจะได้รับแสงสว่างอย่างชาวเมืองนรก คนที่เราไม่คิดว่าจะมีสิทธิได้เข้าถึงอานิสงส์ผลบุญอย่างคนเข็ญใจ พระมาลัยไม่ทิ้งคนพวกนั้น และยังแนะแนวทางที่เหมาะควรเพื่อที่จะได้กุศลผลบุญอย่างยิ่งตามหลักพระพุทธศาสนา
เรื่องพระมาลัยจึงควรเป็นตัวอย่างสำหรับพระสงฆ์ทุกรูปที่จะมีปณิธานอย่างพระมาลัยในการให้ทุกคนได้เข้าถึงผลสูงสุดของพระพุทธศาสนาโดยไม่จำกัดว่าเขาผู้นั้นจะเป็นใคร อยู่ในฐานะไหนก็ตาม
อาตมาเองก็ถือเอาอุดมคตินี้เช่นกัน และนั่นจึงเป็นเหตุที่ทำให้อาตมาทำหลายสิ่งหลายอย่างเพื่อคนที่คนมักจะมองข้าม เอาเป็นธุระของตน อย่างผู้ต้องขังในเรือนจำ นั่นก็คือคนที่คนทั่วไปไม่เห็นคุณค่า มักถูกมองในแง่รังเกียจ แถมยังต้องดำรงชีวิตในสภาพที่แออัด อาตมาก็เข้าไปร่วมมือกับทางเรือนจำกลางนครปฐม เป็นเรือนจำนำร่อง จัดทำโครงการต่าง ๆ ทั้งการส่งเสริมคุณภาพชีวิตจิตใจของผู้ต้องขัง รวมถึงโครงการล่าสุดคือการสร้างห้องตรวจรักษาโรคแก่ผู้ต้องขังภายในเรือนจำ เนื่องด้วยปัจจุบันหากมีผู้ต้องขังป่วย ภายในเรือนจำก็อาจมีเพียงห้องพยาบาลที่ดูแลการเจ็บป่วยทั่ว ๆ ไป หรือหากถึงขั้นต้องนำส่งโรงพยาบาลเพื่อตรวจหรือรักษา หากมิใช่ทัณฑสถานในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลซึ่งมีโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ก็จะต้องนำไปตรวจหรือรักษายังสถานพยาบาลทั่วไป ซึ่งสร้างความยากลำบากทั้งแก่ตัวผู้ป่วยที่เป็นผู้ต้องขัง และแก่เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน โรงพยาบาลราชทัณฑ์ก็มีแค่ที่เดียวในตอนนี้ อาตมาจึงคิดเห็นว่าควรที่จะมีห้องตรวจ ห้องรักษาเสียเลยภายในเรือนจำ เหมือนยกโรงพยาบาลย่อส่วนมาไว้ที่นี่ ผู้ต้องขังจะได้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น จึงดำเนินงานร่วมกับเรือนจำกลางจังหวัดนครปฐม สร้างห้องตรวจรักษาไว้ พร้อมกันนี้ก็ยังมีญาติโยมผู้ใจบุญร่วมกันบริจาคครุภัณฑ์การแพทย์ อย่างเตียงผู้ป่วยอย่างดีมีมาตรฐาน ก็เป็นสิ่งจำเป็น อีกไม่นานก็คาดว่าจะเปิดใช้งานได้ และน่าจะช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้ต้องขังได้มากทีเดียว
การพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้ต้องขังถือเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพราะการมีคุณภาพชีวิตที่ดี มีปัจจัยสี่พร้อม ในสภาวะที่ตนต้องมาอยู่ในที่กักขังแบบนี้ ล้อมรอบด้วยรั้วสูงใหญ่ ไร้อิสรภาพ เป็นเรื่องสำคัญ เป็นเรื่องส่งเสริมคุณค่าในชีวิตของตนเอง สมัยนี้ราชทัณฑ์ไม่ได้มองผู้ต้องขังว่าเป็นคนสันดานชั่วร้าย ที่จะต้องถูกจับแยกจากสังคม หรือต้องลงโทษให้สาสม แต่ว่าเรามองว่าเขาคือคนที่หลงผิด ถูกหล่อหลอมมาแบบผิด ๆ การนำมาไวในเรือนจำคือการทำให้เขาได้ปรับปรุงตนเอง ได้มองตนเอง แก้ไขตนเอง เราเชื่อว่าคนเราพัฒนาได้ แก้ไขได้ และเราจะต้องสร้างสิ่งแวดล้อมให้พวกเขามีกำลังใจจะปรับปรุงตนเอง ไม่ใช่ว่าโลกข้างนอกมืดมนจนกลายเป็นอาชญากรแล้ว มาข้างในก็ยิ่งมืดมนเข้าไปใหญ่ อะไรก็ไม่ดีสักอย่าง จะทำตัวดีไปทำไม คนอย่างตนมีค่าแต่เพียงเท่านี้ แบบนี้ไม่เอื้อให้เขาได้พัฒนาตนเอง เราก็จะไม่ได้คืนคนที่ปรับปรุงแล้วกลับคืนสู่สังคม ฉะนั้นเราจึงต้องร่วมด้วยช่วยกันในการนี้ เพื่อที่สังคมจะได้คนดีเพิ่มขึ้นมา ได้คนที่พร้อมจะเป็นพลเมืองเพิ่มขึ้นมา และขอให้ญาติโยมได้ทราบว่า ปัจจัยที่ท่านนำมาถวายแก่วัดไผ่ล้อม ได้ผลิดอกออกบุญในการนี้ด้วย เพื่อสร้างคนดีให้แก่สังคม ขอเจริญพร