เชียงใหม่-กรมศิลปากร แจ้งความคืบหน้าการบูรณะพระธาตุเจดีย์ วัดศรีสุพรรณ

เชียงใหม่-กรมศิลปากร แจ้งความคืบหน้าการบูรณะพระธาตุเจดีย์ วัดศรีสุพรรณ

ภาพ-ข่าว:ศูนย์ข่าวเฉพาะกิจจังหวัดเชียงใหม่

          รองอธิบดีกรมศิลปากร เข้าพบ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ แจ้งความคืบหน้าการบูรณะพระธาตุเจดีย์ วัดศรีสุพรรณ เผยมีการบันทึกเป็นจดหมายเหตุทุกขั้นตอน เพื่อเป็นองค์ความรู้เรื่องของการบูรณะองค์เจดีย์ในอนาคต
           บ่ายวันนี้ (4 ต.ค. 65) นายบพิตร วิทยาวิโรจน์ รองอธิบดีกรมศิลปากร พร้อมคณะ เข้าพบ นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ณ ห้องรับรองสำนักงานจังหวัดเชียงใหม่ ชั้น 3 อาคารอำนวยการ ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อนำเรียนความคืบหน้าของการบูรณะพระธาตุเจดีย์ วัดศรีสุพรรณ ซึ่งได้พังถล่มลงมาเมื่อช่วงเย็นวันที่ 29 กันยายน 2565 ที่ผ่านมา
             นายบพิตร วิทยาวิโรจน์ รองอธิบดีกรมศิลปากร เปิดเผยว่า พระธาตุเจดีย์ของวัดศรีสุพรรณ ที่พังถล่มลงนั้น เป็นเจดีย์ที่สร้างครอบเจดีย์องเดิม และด้วยเป็นโบราณสถานที่มีความสำคัญ จึงได้มีการพูดคุยระดมความคิดเห็นการดำเนินการจากหลายภาคส่วน ทั้งประชาชน เจ้าอาวาส และส่วนราชการ ซึ่งขณะนี้ อยู่ในช่วงของการรื้อถอนวัสดุที่พังลงมา โดยใช้นักโบราณคดีจากกรมศิลปากรและสำนักศิลปากรที่ 7 เชียงใหม่ ควบคู่กับการศึกษาร่องรอยทางประวัติศาสตร์ที่ปรากฏในอิฐที่พังลงมา และจากซากเจดีย์ที่กองอยู่จำนวนมาก โดยมีชาวบ้านและจิตอาสาเข้ามาร่วมช่วยกันนำซากเจดีย์ออกจากพื้นที่ ภายใต้การประเมินสถานการณ์ความปลอดภัยของทีมวิศวกร โดยเมื่อดำเนินการรื้อถอนซาก พร้อมศึกษา ขุดข้น หาร่องรอยเดิมแล้วเสร็จ สำนักสถาปัตยกรรม จะกลับไปออกแบบองค์เจดีย์ ก่อนที่จะหารือและสอบถามความคิดเห็นกับคนในพื้นที่ให้มาตัดสินใจในรูปแบบร่วมกัน เพราะโบราณสถานดังกล่าว เป็นสมบัติของวัดและของคนเชียงใหม่
               สำหรับโบราณวัตถุที่ขุดข้นเจอ ซึ่งพบว่ามีเป็นจำนวนมากนั้น ทั้งพระพุทธรูปสัมฤทธิ์ แก้ว และวัสดุหลากหลายช่วงอายุ ทางนักวิทยาศาสตร์จะได้เข้ามาดูแลรักษา ทำความสะอาด และทำทะเบียน ก่อนส่งมอบให้กับวัดได้เก็บรักษาต่อไป ทั้งนี้ ได้มีการบันทึกเป็นจดหมายเหตุในทุกขั้นตอน เพื่อเป็นองค์ความรู้เรื่องของการบูรณะองค์เจดีย์ในอนาคต
              รองอธิบดีกรมศิลปากร กล่าวอีกว่า ด้านโบราณสถานเวียงกุมกาม ซึ่งมีน้ำปิงเอ่อล้นเข้าท่วมอยู่นั้น จะได้มีการดูทิศทางการเข้ามาของน้ำ และหาวิธีเบี่ยงเบนน้ำ เพื่อไม่ให้กระแสน้ำปะทะกับเจดีย์โดยตรงกับโบราณสถาน อย่างไรก็ตาม ภายหลังจากน้ำลดลง จะค่อยๆ เอาน้ำออก เพื่อความปลอดภัยตามหลักวิชาการของโบราณสถาน พร้อมฝากไปยังพี่น้องประชาชน หากพบว่ามีวัด หรือโบราณสถานใดในพื้นที่ที่มีความสุ่มเสี่ยง ขอให้แจ้งสำนักศิลปากรที่ 7 เชียงใหม่ ได้ทันที เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป

CATEGORIES
Share This

COMMENTS

error: Content is protected !!