“ทักษิณ”อาจจะโดนคดีฆาตกรรม หลังแหย่รังแตน ฟ้อง “ชวน หลีกภัย”
ภาพ-ข่าว:นายหัวไทร
ก่อนหมดอายุความเพียง 3 วัน “ชวน หลีกภัย” ประธานรัฐสภา ได้เรียกทนายความมาคุยเพื่อหาคือกับอัยการถึงการเข้ามอบตัวสู้คดีตามกระบวนการยุติธรรม หลังถูก”ทักษิณ ชินวัตร” ฟ้องกรณีชวนบรรยายเกี่ยวกับเหตุการณ์ความรุนแรงในภาคใต้ ทั้งเหตุการณ์ที่มัสยิดกรือเซะ และเหตุการณ์ที่โรงพักตากใบ อันเป็นช่วงที่ทักษิณมีอำนาจอยู่ และนำมาสู่ความรุนแรงมาจนถึงปัจจุบัน ชวนประสงค์ให้ศาลวินิจฉัยความถูกผิด และนำข้อมูลข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นไปเปิดเผยในชั้นศาล และบันทึกไว้เป็นประวัติศาสตร์กับวาทะกรรม “โจรกระจอก” จนทักษิณต้องออกมาขอโทษชาวใต้ แต่ไม่วายแหว่งปากโยนความผิดไปให้ทหาร พุ่งตรงไปยังทหารฝ่ายตรงข้ามที่จ้องทำลาย โดยเอ่ยชื่อถึงผู้บัญชาการทหารบกในสมัยนั้น คือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี โดยอ้างว่า ทหารมีอำนาจเต็มในการแก้ไขสถานการณ์ คนเป็นนายกรัฐมนตรีคงไม่อาจทราบรายละเอียดทั้งหมด และคงไม่สั่งการในรายละเอียดของการปฏิบัติ น่าสนใจยิ่งว่า เมื่อคดีของชวนกับทักษิณจบลงในชั้นศาลแล้ว อะไรจะเกิดขึ้นต่อไป แต่อย่างน้อยที่สุดข้อมูลของฝ่ายชวน และเป็นข้อมูลจำนวนมากจะถูกตีแผ่ในชั้นศาลอย่างหมดเปลือก นี้คือปรากฏการณ์ “แหย่รังแตน” ของทักษิณ สุดท้ายก็จะโดนแตนต่อยตาบวมแน่นอน หรืออาจจะพูดได้ว่า แกว่งเท้าหาเสี้ยน” ก็จะโดนเสี้ยนตำเท้าเป็นแน่แท้
ถาวร เสนเนียม โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กว่า “ผมขอชื่นชมในการตัดสินใจของนายชวน หลีกภัย กรณีที่ เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2555 ท่านได้บรรยายให้ความรู้แก่ผู้ฟังในโรงเรียนการเมืองของพรรคประชาธิปัตย์ เกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ช่วงรัฐบาลยุคระบอบทักษิณมีอำนาจว่ามีความผิดพลาดเกิดขึ้น นำไปสู่เหตุการณ์บานปลายที่รุนแรงจนถึงขณะนี้ จากวันนั้นถึงวันนี้ผมนายถาวร เสนเนียม ยืนยันว่ามีผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้รวมทั้งประชาชน เจ้าหน้าที่ของรัฐ และนักบวช รวมถึงพระสงฆ์ 5,000 กว่าคน และบาดเจ็บอีก 9,000 กว่าคน ถือเป็นความผิดพลาดอย่างใหญ่หลวงในยุคระบบทักษิณมีอำนาจ
ขอย้อนไปเมื่อวันที่ 7 เมษายน 2544 เกิดเหตุวางระเบิดที่สถานีรถไฟหาดใหญ่ นายกรัฐมนตรีในขณะนั้นเรียกประชุมผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง เพื่อสอบถามถึงสาเหตุว่าใครเป็นผู้ก่อเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจผู้รับผิดชอบในขณะนั้นรายงานว่า สาเหตุเกิดจากโจรก่อการร้ายแบ่งแยกดินแดน ซึ่งมีประมาณ 50 – 60 คน รัฐบาลจึงสั่งให้จัดการกวาดล้างให้หมดภายในเวลา 5 – 6 เดือน ข้อสั่งการดังกล่าวนี้นำไปสู่การอุ้มฆ่า อุ้มหาย เป็นระยะ ๆ ส่งผลให้นโยบายในยุคของพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ภายใต้แนวทาง เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา ของในหลวงรัชการที่ 9 ถูกทำลายลงหมดสิ้น และได้เกิดเหตุรุนแรงกลับคืนขึ้นมาอีกใน 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ถูกลอบฆ่าเป็นการแก้แค้น เพื่อเอาอาวุธปืนไปใช้ในการก่อความรุนแรงและได้เกิดเหตุการณ์ปล้นปืนขึ้น เมื่อวันที่ 4 มกราคม 2547 ที่ค่ายปิเหล็ง จ.นราธิวาส (ค่ายกรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์) นอกจากนั้นศูนย์อำนวยการบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.)ซึ่งเป็นหน่วยราชการที่จัดตั้งขึ้นเพื่อแก้ไขปัญหา ด้วยวิธีการเข้าใจ เข้าถึง พัฒนา ก็ถูกยกเลิก ในยุครัฐบาลทักษิณ
ในปี 2547 ได้เกิดเหตุการณ์ตากใบและมัสยิดกรือเซะขึ้น เป็นเหตุการณ์ความรุนแรงที่ทุกคนทราบดี ต่อมาในปี 2552 ผมเข้าไปทำหน้าที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ดูแลรับผิดชอบการแก้ไขปัญหาและการพัฒนา 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ รัฐบาลในขณะนั้นได้จัดตั้งศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง และได้ยกร่างพระราชบัญญัติบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ.2553 ขึ้น เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการแก้ไขปัญหา 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยเน้นเรื่องการเข้าใจ เข้าถึง พัฒนา อีกครั้งหนึ่ง นับถึงปัจจุบันนี้ประเทศไทยได้ใช้เงินในการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ไปแล้วหลายแสนล้านบาท กำลังพลตำรวจ ทหาร อส. ประชาชน พระสงฆ์ นักบวช เสียชีวิตไปแล้ว 5,000 กว่าคน และบาดเจ็บอีก 9,000 กว่าคน แต่สถานการณ์ก็ยังไม่กลับเป็นปกติเหมือนปี 2524 – 2543 ทั้งนี้เพราะความผิดพลาดอันเกิดจากนายทักษิณ ชินวัตรได้ใช้นโยบาย Iron Fist (กำปั้นเหล็ก) ซึ่งนายทักษิณ ชินวัตร ได้สารภาพไว้ในการให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนที่ประเทศสิงคโปร์ และยังปรากฎในรายการ Tony Woodsome หรือนายทักษิณ ชินวัตร จะชี้แจงอย่างไร
การที่นายชวน หลีกภัย ถูกฟ้องในครั้งนี้ ผมขอตั้งข้อสังเกตไปถึงพนักงานสอบสวนและพนักงานอัยการว่าท่านได้ใช้หลักดุลพินิจ (Opportunity Principle ) ในการพิจารณาสั่งฟ้องนายชวน หลีกภัย ดี รอบคอบ ถูกต้อง แล้วหรือยัง หรือท่านเป็นเพียงบุรุษไปรษณีย์ช่วยชี้แจงด้วย ในโอกาสการค้นหาความจริงในศาลครั้งนี้ นายชวน หลีกภัย จะได้มีโอกาสพูดความจริง แสดงเหตุผลบนพื้นฐานของความหวังดีต่อบ้านเมือง หรือเป็นการใส่ความนายทักษิณ ชินวัตร ผมมั่นใจว่าจะเป็นโอกาสของคนไทยทุกคน ที่จะได้ทราบความจริงในบรรยากาศของการพิสูจน์ความจริงกันในศาลครั้งนี้ และขอชื่นชมนายชวน หลีกภัย อีกครั้งหนึ่งที่ได้ให้ความร่วมมือกับกระบวนการยุติธรรม โดยการเดินไปขึ้นศาลอย่างสง่าผ่าเผย สมเป็นยอดชายนักสู้ แต่น่าเป็นห่วงว่าเมื่อจบคดีนี้แล้ว นายทักษิณ ชินวัตร จะถูกดำเนินคดีในข้อหาฆาตกรรมเพิ่มขึ้นอีกกี่คดีหรือไม่อย่างไร ขอให้ทุกคนติดตามอย่ากะพริบตา”
ขบวนการในชั้นศาลคงต้องใช้เวลาไม่น้อยในการรวบรวมเอกสาร หลักฐาน คลิปวีดีโอเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พยานบุคคล เพื่อนำมาเบิกความ แต่ประเด็นอยู่ที่ว่าทักษิณในฐานะโจทก์ จะแก้ต่างต่อศาลอย่างไร ในเมื่อตัวเขาเอง หลังหลบหนีคดีความในคดีทุจริตอยู่ต่างประเทศ ซึ่งแม้จะมีประเด็นชี้แจงแต่ก็ไม่อาจมาเบิกความในฐานะพยานโจทก์ได้ด้วยตัวเอง แต่ความผิดพลาดที่เกิดขึ้นทักษิณได้ยอมรับแล้วอย่างน้อย 2-3 ครั้ง และล่าสุดได้กล่าวคำ “ขอโทษ”ต่อพี่น้องชาวใต้อีกครั้ง อันเป็นการยอมรับผิดนั้นเอง คำขอโทษคือคำรับสารภาพ อันอาจนำมาสู่การฟ้องร้องในคดีฆาตกรรมต่อไปในอนาคตนั้นเอง