นครปฐม-“คิดไม่ออก บอกหลวงพี่”..ผ้าเหลืองนำชีวิต คิดกลับใจ
เรื่องโดย-พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ (หลวงพี่น้ำฝน)
เจริญพรญาติโยมผู้อ่านทุกท่าน ในช่วงเวลาที่ผ่านมานี้ เราจะพบว่าข่าวเกี่ยวกับยาเสพติดนั้นมีมากเหลือเกิน เดี๋ยวก็มีข่าวจับยาบ้า เดี๋ยวก็มีข่าวคนคลั่งยา เรียกได้ว่าไม่เว้นแต่ละวัน ก็ต้องถือว่ายาเสพติด โดยเฉพาะยาบ้านี้เป็นภัยต่อสังคมเราเป็นอย่างยิ่ง เมืองไทยเรานี้ตั้งอยู่บนเส้นทางขนถ่ายยาเสพติดมาแต่ไหนแต่ไร จับเท่าไรก็ไม่หมดง่าย ๆ แต่เราก็ต้องจัดการปราบปรามไม่ให้มันก่อผลร้ายแก่พวกเราทุกคน เพราะพิษของยาเสพติดมันทำลายคนไปมาก ทั้งคนที่เสพ และคนในสังคมที่อาจได้รับผลกระทบจากการเสพยาของคนคนหนึ่ง อย่างที่มีข่าวอยู่บ่อย ๆ แล้วร้ายที่สุดเลยก็คือ ยาเสพติดเนี่ย มันเข้าไปทำลายสถาบันครอบครัว มันก็มีเหตุว่า ลูกตีพ่อตีแม่ พ่อแม่ตีลูกทำร้ายลูก ร้ายสุดคือ ลูกฆ่าพ่อแม่ พ่อแม่ฆ่าลูก เหตุผลทั้งหมดนี้ก็เพราะยาเสพติดทั้งนั้น ไม่ได้มาจากอะไรอย่างอื่นเลย ร้ายกว่านั้นคือคนคนหนึ่งไปฆ่าคนอื่นตายด้วยเพราะยาเสพติด เป็นอาชญากรรมที่ต่อเนื่องมาจากการเสพยาเสพติด
ยาเสพติด ไม่ได้ทำลายแค่สถาบันครอบครัว สถาบันศาสนามันก็ทำลาย ดังจะมีข่าวอยู่เรื่อย ๆ ว่า ทางการไปตรวจจับพระตามวัด บางวัดนี่ตั้งแต่เจ้าอาวาสยันลูกวัด ฉี่ม่วง เป็นที่น่าปวดหัวแก่พุทธศาสนิกชนพุทธบริษัทยิ่งนัก เห็นได้ว่ายาเสพติดนี้แทรกซึมทุกวงการ และทำลายทุกวงการ ก็ทำให้เห็นว่ายาเสพติด โดยเฉพาะยาบ้า มันเป็นยานรกที่ทำลายทุกอย่างของสังคมให้เสื่อมสิ้นไป
แต่ก่อนใครเสพยาเขาก็จับเข้าคุก ถือว่าเป็นอาชญากร ต้องได้รับการลงโทษ แต่สมัยนี้เรามองว่าผู้ที่ติดยาเสพติดนั้นเป็นผู้ป่วยที่สามารถบำบัดได้ด้วยวิธีการที่เหมาะสม เพราะบางคนก็ไม่ได้ตั้งใจอยากจะเข้าสู่วงจรของยาเสพติด อาจจะมีปัญหาบางอย่าง เช่น ความเครียด การทำงานหนัก กินยาบ้าแล้วมีพละกำลังเหมือนม้า ขับรถทางไกลได้สบายก็กิน กินไปกินมาแล้วมันก็ติด ทีนี้เราจะทำอย่างไร ก็ต้องแก้ไข เมื่อผู้ติดยาเสพติดได้รับการบำบัดรักษาแล้ว ก็สามารถนำพวกเขากลับคืนสู่สังคมได้ ทุกวันนี้เราก็ถือแบบนั้นกัน อย่างไรก็ตามผู้คนก็มักจะรังเกียจกันอยู่ว่า คนติดยาก็คือคนติดยา ถึงเลิกแล้วก็ยังมีประวัติ ไว้ใจไม่ได้ อาตมาเห็นว่าอย่าด่วนตัดสินแบบนั้น บางคนเลิกได้ก็เลิกได้จริง ๆ
ที่วัดไผ่ล้อมของอาตมาก็มีอะไรแบบนี้ บางทีถ้าโยมมาที่วัดก็อาจจะเดินสวนกันก็ได้ นั่นคือ “พระโบ้” พระโบ้นี่แต่ก่อนเป็นคนติดยา เสพยาเป็นอาจิณ พอไม่ได้กินก็มีอาการ ไปขอเงินแม่ แม่รู้แม่ไม่ให้ ก็ทุบตีแม่ เจ็บช้ำไปหมด เรื่องเหล่านี้ลูกศิษย์อาตมาที่วัดเห็นเข้าเรื่อย ๆ ก็สลดใจ คุยกันว่าจะทำอย่างไรดี ก็เลยพามาที่วัด ให้บวชเสีย เจ้าตัวก็สมัครใจบวชด้วย ก็เลยได้เป็นพระโบ้
พระโบ้นี้ก็อัศจรรย์นะ อาตมาก็ได้มอบหมายให้พระโบ้ทำกิจต่าง ๆ ร่วมกับพระสงฆ์ในวัด ให้พระในวัดดูแลพระโบ้ดี ๆ อย่าได้รังเกียจเดียดฉันท์ภูมิหลังที่ผ่านมา น่าอัศจรรย์ที่พระโบ้เอาชนะอาการคนติดยาได้ จนตอนนี้ก็ไม่คิดแสวงหายาเสพติดมาเสพอีก เอาแต่ทำงาน ตั้งใจทำงาน ถ้าใครมาวัดแล้วเห็นพื้นวัดสะอาด ปราศจากขยะ เศษใบไม้ ก็ขอให้ทราบว่านี่คือฝีมือของพระโบ้
ฉะนั้น ยาเสพติดเป็นสิ่งที่เราจัดการได้ ผู้เสพผู้ติดยาสามารถบำบัดได้จริง ๆ เพียงแต่ว่า ผู้ที่จะเข้ารับการบำบัดต้องมีความตั้งใจอย่างแท้จริงที่จะเลิกยา ต้องตั้งใจว่าจะเลิกยา เพราะการเลิกยานั้นไม่ใช่ของง่าย ปกติคนเราอดข้าวอดกินของที่ชอบมันยังยากเลย พอเห็นของชอบที่ต้องห้ามกินใจยังสั่นเลย อันนี้เป็นยาเสพติดที่ออกฤทธิ์ต่อประสาท มันก็ยากกว่าเป็นเท่าทวี คนที่ตั้งใจจะเลิกจะต้องมีใจตั้งมั่นเป็นอย่างมาก
ส่วนที่สำคัญอีกส่วน ก็คือ คนรอบตัวของผู้รับการบำบัด จะต้องมีความเข้าใจและไม่ด้อยค่าว่าเป็นคนติดยา ฉะนั้นแล้วเป็นคนไม่ดี แต่ต้องเป็นกำลังใจ เป็นแรงผลักดันให้ละทิ้งจากเส้นทางยาเสพติด
การที่พระโบ้ละทิ้งเส้นทางยาเสพติดไปได้นั้น อาตมาเชื่อว่ามาจากหลายส่วนด้วยกัน ทั้งจากส่วนของพระโบ้เองที่มีความตั้งใจแน่วแน่ว่าจะเลิกยาเสพติด เลิกเสพยา หันหลังให้เป็นการถาวร จากส่วนของคนรอบตัวที่ปฏิบัติต่อเขาอย่างไม่รังเกียจเดียดฉันท์ ยอมรับให้อยู่ในสังฆะเดียวกัน มีความสามัคคีต่อกัน จากส่วนของวัดที่เอาจริงเอาจังต่อการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด มีการตรวจสอบ จัดระเบียบอยู่เป็นระยะไม่ให้ยาเสพติดแทรกซึมเข้ามาในวัดได้ และอาตมาเชื่อว่า ผ้ากาสาวพัสตร์ หรือผ้าเหลืองสบงจีวร หรือความเป็นพระก็ช่วยขัดเกลาเขาได้ เพราะเขาตั้งใจจะบวช ตั้งใจจะเข้ารับการบำบัด เมื่อตั้งใจแล้วผ้าเหลืองจะช่วยเขาเอง
อาตมาก็เลยขอเชิญชวนให้ทุกท่านได้อนุโมทนาแก่เขา คือพระโบ้ ที่มีความตั้งใจจริงที่จะเลิกยาเสพติด และใช้ชีวิตในสมณเพศนี้เป็นเครื่องบำบัด อีกทั้งเป็นบทเรียนที่ทำให้เห็นว่า ยาเสพติด เลิกได้ บำบัดได้ แต่ไม่ไปยุ่งแต่ต้นเลย ดีที่สุด.. ขอเจริญพร