ศรีสะเกษ- ดาบตำรวจหญิงโชว์ใบหย่าและทะเบียนสมรส..!!โต้ข่าวถูกพันตำรวจโทกล่าวหาว่ามีชู้
ภาพ / ข่าว ศิริเกษ หมายสุข
เผยหย่าขาดจากกันตั้งแต่ปี 61 และได้มาจดทะเบียนสมรสกับ สิบตำรวจเอกแฟนใหม่เมื่อปี 65 เนื่องจากพันตำรวจโทได้เลิกรากันไปนานแล้ว วอนเลิกโพสต์ในสื่อโซเชี่ยลสร้างความเสียหายมาก เตรียมดำเนินคดีตามกฏหมาย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่มีข่าวว่า พันตำรวจโทเอส ตำรวจสถานีตำรวจแห่งหนึ่งของ จ.ศรีสะเกษได้เผยแพร่คลิปภาพขณะที่บุกเข้าไปในบ้านพักข้าราชการตำรวจของสถานีตำรวจแห่งหนึ่งในเขตพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษและได้พบว่าดาบตำรวจหญิงซึ่งเป็นอดีตภรรยาของตนอยู่กับตำรวจยศสิบตำรวจเอกซึ่งมีบ้านพักอยู่ใกล้กัน โดยพบว่า ดาบตำรวจซึ่งเป็นอดีตภรรยาของตนเอง อยู่ภายในห้องพักกับชายหนุ่มที่เป็นตำรวจทำงานด้วยกัน ขณะเดียวกันได้มีพนักงานสอบสวนของสถานีตำรวจที่เกิดเหตุได้เข้ามาดูแลความเรียบร้อย เนื่องจากเกรงว่าอาจจะมีเรื่องรุนแรงเกิดขึ้นมาและได้มีปากเสียงกันเนื่องจากพันตำรวจโทถือว่าตนเองมียศสูงกว่า แต่ว่าเพื่อนที่มาด้วยกันกับพันตำรวจโทเอส ได้ดึงตัวพันตำรวจโทเอสออกไปจากที่เกิดเหตุก่อนที่จะเกิดความรุนแรงขึ้น และมีการเผยแพร่คลิปภาพทางสื่อโซเชี่ยลและทางสื่อมวลชน ทำให้มีการวิพากวิจารณ์เรื่องนี้อย่างกว้างขวาง
เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2565 ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่สถานีตำรวจภูธรแห่งหนึ่ง ของจังหวัดศรีสะเกษ ซึ่งเป็นสถานที่ทำงานของ พ.ต.ท.เอส พบว่า มีเจ้าหน้าที่ ตร.จับกลุ่มคุยกันเกี่ยวกับข่าวที่เกิดขึ้น เมื่อสอบถามถึง พ.ต.ท.เอส เพื่อจะขอสอบถามเรื่องราวที่เกิดขึ้น เจ้าหน้าที่ ตร.แจ้งว่า ให้ไปที่งานสืบสวน ซึ่งอยู่ที่ด้านข้างสถานีตำรวจ เมื่อผู้สื่อข่าวไปที่ห้องงานสืบสวน ปรากฏว่า ห้องสืบสวนปิดล็อคกุญแจไว้ จึงโทรไปที่หมายเลขโทรศัพท์ของ พ.ต.ท.เอส ปรากฏว่า เป็นสัญญาณฝากข้อความตลอดไม่สามารถติดต่อได้ ต่อมาผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่สถานีตำรวจที่เกิดเหตุตามคลิป ได้พบกับ ร.ต.อ.สิทธิชัย พรหมทา พนักงานสอบสวน ซึ่งเป็นตำรวจที่เข้าระงับเหตุและถูกพันตำรวจโทเอส ห้ามไม่ให้เข้ามายุ่งเกี่ยวบอกว่าตนเองเป็นพันตำรวจโท ยศสูงกว่าร้อยตำรวจเอก
ร.ต.อ.สิทธิชัย พรหมทา พนักงานสอบสวน เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า ขณะเกิดเหตุ ตนกำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่ ได้ยินเสียงดังมากจากบริเวณบ้านพักข้าราชการตำรวจ จึงได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจหลายนายเข้ามาตรวจสอบยังที่เกิดเหตุ พบชายฉกรรจ์ประมาณ 3 คนอยู่ที่บริเวณบ้านพักของสิบตำรวจเอกคิง โดยชายคนหนึ่งกำลังส่งเสียงดังมากบอกว่า ตนเองมาตาม หาเมีย โดยอ้างว่า พบเมียตนเองกำลังนอนอยู่ในห้องนอนของสิบตำรวจเอกคิง ตนเห็นว่า อาจจะมีการใช้กำลังความรุนแรง จึงบอกให้ชายคนดังกล่าวใจเย็นๆ แต่ชายคนดังกล่าวบอกว่า เป็นพันตำรวจโท ตนเป็นร้อยตำรวจเอกอย่าเข้ามายุ่ง ตนจึงบอกว่า ตนเป็นพนักงานสอบสวน ต้องเข้ามาดูแลความเรียบร้อย โดยมีเพื่อนของชายฉกรรจ์ที่กำลังอาละวาดถ่ายคลิปวีดีโอเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่ จากนั้น เพื่อนของชายฉกรรจ์ที่กำลังอาละวาดได้นำตัวของชายที่อ้างว่ามาตามหาเมียออกไปจากที่เกิดเหตุ ตนมาทราบภายหลังว่า ชายฉกรรจ์ที่มาอาละวาดชื่อ พันตำรวจโทเอส
ต่อมา ดาบตำรวจหญิงจอย (นามสมมติ) และสิบตำรวจเอกคิง (นามสมมุติ) ตามที่เป็นข่าวกำลังนำเอกสารหลักฐานประกอบด้วยหลักฐานใบสำคัญการหย่า หลักฐานทะเบียนสมรส หลักฐานการโอนเงินและหลักฐานการซื้อขายที่ดินมารายงานข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นให้ พันตำรวจโทยุทธศาสตร์ ลือขจร หัวหน้าสถานีตำรวจภูธรที่เกิดเหตุได้รับทราบ ทั้งนี้เพื่อเป็นการยืนยันว่าทั้ง 2 คนไม่ได้เป็นชู้กันตามที่พันตำรวจโทเอส กล่าวหาแต่อย่างใด ซึ่งพันตำรวจโทยุทธศาสตร์ได้ตรวจสอบดูเอกสารหลักฐานต่างๆอย่างละเอียดพบว่า ดาบตำรวจหญิงจอยได้จดทะเบียนหย่าขาดกับ พันตำรวจโทเอส ตั้งแต่วันที่ 10 เมษายน 2561 ที่สำนักทะเบียนอำเภอซับใหญ่ จังหวัดชัยภูมิ โดยมีการบันทึกหลังการหย่าไว้อย่างละเอียดโดยระบุว่ามีการแบ่งทรัพย์สินต่างๆเรียบร้อยแล้ว ส่วนบุตรให้อยู่ในความดูแลของดาบตำรวจหญิงจอย
ดาบตำรวจหญิงจอย เล่าว่า ตนได้หย่าขาดกับพันตำรวจโทเอส มาตั้งแต่ปี 2561 จากนั้นตนก็ได้ย้ายมาปฏิบัติหน้าที่อยู่ที่สถานีตำรวจแห่งนี้ และพักอยู่ที่บ้านพักตำรวจที่เกิดเหตุมาโดยตลอด ซึ่งพันตำรวจโทเอสได้ขาดการติดต่อกับตนมานานแล้วและไม่ได้มีความสัมพันธ์ฉันสามีภรรยากันอีกเลย ซึ่งต่อมาตนได้มาคบหากับ สิบตำรวจเอกคิง ซึ่งเป็นตำรวจรุ่นน้องและมีบ้านพักอยู่ใกล้กัน และได้ตกลงที่จะคบหากันเป็นแฟนเนื่องจากตนต้องการสร้างครอบครัวใหม่และได้ไปจดทะเบียนสมรสกับแฟนใหม่เรียบร้อยแล้ว ต่อมาปรากฏว่า พันตำรวจโทเอส ได้บุกเข้ามาอาละวาดที่บ้านพักตำรวจซึ่งตนพักอยู่กับแฟนใหม่พร้อมทั้งได้ถ่ายคลิปเอาไปเผยแพร่ทางสื่อโซเชียลหาว่าตนมีชู้ทั้งที่ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด เนื่องจากว่าตนกับพันตำรวจโทเอสได้หย่าขาดจากกันแล้ว และมีการแบ่งทรัพย์สินกันเรียบร้อยแล้ว โดยตนเป็นคนดูแลบุตร การที่มากล่าวหาว่าตนมีชู้นั้นเป็นคำพูดที่รุนแรงเกินไป เนื่องจากว่าเมื่อหย่าขาดจากกันตามกฎหมายแล้ว ตนก็ย่อมที่จะดำเนินชีวิตของตนเองตามที่ตนต้องการได้ ซึ่งตนต้องการสร้างครอบครัวใหม่ให้เป็นหลักฐานมั่นคง เนื่องจากว่า พันตำรวจโทเอสเที่ยวตะลอน ไปกับผู้หญิงมากหน้าหลายตาแถมยังมีการโพสต์ภาพที่กำลังยุ่งอยู่กับผู้หญิงคนอื่น ด้วย ซึ่งเป็นการสร้างความเจ็บช้ำใจให้กับตนเป็นอย่างมาก
ดังนั้น การที่ตนตัดสินใจมีครอบครัวใหม่แล้วมากล่าวหาว่าตนมีชู้นั้น มันไม่เป็นธรรมสำหรับตน ผู้ชายมีผู้หญิงหลายคนได้ไม่เป็นไรแต่พอตนต้องการสร้างชีวิตใหม่กับผู้ชายที่ตนรักและเข้าใจตน พร้อมที่จะดูแลตนไม่ได้ทิ้งขว้างตนไปอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ ตนกลับมาถูกกล่าวหาว่ามีชู้ ตนจึงขอความเป็นธรรมจากทุกคนที่ทราบข่าวนี้ด้วยว่า หัวอกลูกผู้หญิงที่ถูกสามีทิ้งจนหย่าร้าง และ ได้สร้างครอบครัวใหม่จนจดทะเบียนสมรสด้วยกันแบบนี้ถูกตราหน้าว่ามีชู้หรือไม่ ตนอยากฝากถึงพันตำรวจโทเอสว่า ขอให้เลิกยุ่งเกี่ยวกับตนอย่ามายุ่งเกี่ยววุ่นวายกันอีกต่อไป ต่างคนต่างอยู่เหมือนที่ผ่านมา ตนไม่อยากมีเรื่องมีความอะไรทั้งสิ้น แต่ทุกวันนี้พันตำรวจโทเอสได้นำเอาเรื่องของตนไปโพสต์ ในสื่อโซเชี่ยลทำให้ตนและสามีใหม่ได้รับความเสียหายมาก เป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องเป็นอย่างมากซึ่งสามีใหม่ของตนได้ไปแจ้งความดำเนินคดีกับพนักงานสอบสวนเพื่อให้ดำเนินคดีกับพันตำรวจโทเอสตามกฏหมายต่อไปแล้ว
สิบตำรวจเอกคิง สามีใหม่ของ ดาบตำรวจหญิงจอยกล่าวว่า ตนมีบ้านพักอยู่ใกล้กันกับดาบตำรวจหญิงจอยและพบว่าดาบตำรวจหญิงจอยพักอยู่ที่บ้านพักตามลำพังมานานแล้วตนจึงได้คบหาดูใจกัน เนื่องจากเห็นว่าดาบตำรวจหญิงจอยเป็นคนดีมีความขยันขันแข็งในการทำงาน ตนจึงเกิดความรักและความสงสารจึงได้ตกลงเป็นแฟนกัน ซึ่งดาบตำรวจหญิงจอยได้แจ้งให้ตนทราบว่าได้หย่าร้างกับสามีเก่ามาตั้งแต่ปี 61 แล้ว ส่วนตนก็เคยคบหากับผู้หญิงคนอื่นมาแล้ว แต่ว่าได้เลิกรากันไป และได้ตัดสินใจที่จะสร้างครอบครัวใหม่กับดาบตำรวจหญิงจอย ซึ่งการที่พันตำรวจโทเอสได้บุกเข้ามาที่บ้านพักของตน สร้างความวุ่นวายขึ้นมานั้นตนได้ร้องเรียนเรื่องที่เกิดขึ้นไปยังผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้นแล้ว ตนขอยืนยันว่าตนรักดาบตำรวจจอยอย่างแท้จริง จึงขอฝากถึงพันตำรวจโทเอสว่า ไม่ควรที่จะมายุ่งเกี่ยวกับครอบครัวของตนอีกต่อไปและไม่ควรที่จะนำเอาเรื่องราวของตนกับภรรยาไปโพสต์ในสื่อโซเชี่ยลทำให้ตนและครอบครัวได้รับความเสียหายเป็นอย่างมาก ซึ่งตนได้รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อแจ้งความดำเนินคดีตามกฎหมายกับพันตำรวจโทเอสต่อไป
ทางด้าน พันตำรวจโทยุทธศาสตร์ ลือขจร หัวหน้าสถานีตำรวจภูธรที่เกิดเหตุ กล่าวว่า เรื่องนี้ ตนได้รายงานเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ พล.ต.ต.ลาภ ศรีสำอาง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดศรีสะเกษ ได้รับทราบด้วยวาจาแล้ว และได้สั่งการให้ ดาบตำรวจหญิงจอย และสิบตำรวจเอกคิง รายงานข้อเท็จจริงพร้อมพยานหลักฐานเอกสารต่าง ๆ ให้ตนทราบ เพื่อจะได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้นได้รับทราบ เพื่อโปรดพิจารณาต่อไป ตนมีบ้านพักอยู่ติดกับสถานที่เกิดเหตุ ตนไม่พบว่า พันตำรวจโทเอส มาที่บ้านพักของดาบตำรวจหญิงจอยมานานแล้ว ซึ่งจากการตรวจสอบเอกสารเบื้องต้นพบว่า ดาบตำรวจหญิงจอยได้หย่าขาดจากพันตำรวจโทเอส ตั้งแต่ปี 61 และได้มีการจดทะเบียนสมรสกับสิบตำรวจเอกคิง แล้ว