จันทบุรี-ตม.รวบ 5 คนไทยแอบไปทำงานแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ในกัมพูชา
ภาพ/ข่าว ดนุชเดช ทองเปรม
5 คนไทยแอบไปทำงานแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ในกัมพูชาแต่ทำงานไม่เข้าเป้า ต้องเดินทางกลับไทย ถูกตำรวจชุดปฏิบัติการ 5 ศปอส.ตร.(PCT5) และตรวจคนเข้าเมืองจันทบุรี นำหมายจับศาลอาญานั่งรอหน้าด่านนำตัวมาสอบสวนดำเนินคดี
ที่บริเวณตลาดการค้าชายแดนบ้านผักกาด ต.คลองใหญ่ อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการ 5 ศปอส.ตร.(PCT5) และตรวจคนเข้าเมืองจันทบุรี ร่วมกับทหาร ชุดเฉพาะกิจทหารพรานนาวิกโยธินที่ 4 ได้นำหมายจับเข้าจับกับกุมตัว ชาย 2 คนและหญิง 3 คน รวม 5 คนที่กำลังเดินอยู่ใกล้ร้านสะดวกซื้อห่างจากชายแดนเพียง 500 เมตร ซึ่งทาวเจ้าหน้าที่ที่ซุ่มอยู่ได้แสดงหมายจับของศาลอาญาในความผิดฐาน”ร่วมกันมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ , ร่วมกันอั้งยี่ , ร่วมกันเป็นซ่องโจร , ร่วมกันฉ้อโกงโดย แสดงตนเป็นคนอื่น , โดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง ร่วมกันนําเข้าข้อมูลสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะ เกิดความเสียหายแก่ประชาชน และร่วมกันฟอกเงิน” กับผู้ต้องหาทั้ง 5 ราย และนำตัวมาสอบสวนต่อที่สถานีตำรวจภูธรโป่งน้ำร้อนจังหวัดจันทบุรี
จากการจับกุมในครั้งนี้สืบเนื่องมาจากทางพล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. , พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธ์ุ ผบช.สตม. ,พล.ต.ต.มานัด ศรีวงษา ผบก.ตม.3 ได้รับการการประสานการปฏิบัติงานกับศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ชุดปฏิบัติการที่5 (PCT5) นำโดย พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ หัวหน้าชุด ฯ ได้ทำการสืบสวนขยายผลกลุ่มแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในหลายรูปแบบ ที่ก่ออาชญากรรมโทรมาหลอกลวงผู้เสียหายในประเทศไทย และลักลอบตั้งออฟฟิศที่ทำการอยู่ที่ประเทศกัมพูชา โดยมีกลุ่มคนจีน/ไต้หวัน ร่วมกับคนไทยที่แอบหลบหนีออกนอกอาณาจักรไทยผ่านช่องทางธรรมชาติ เพื่อข้ามฝั่งไปทำงานที่ประเทศกัมพูชา แล้วเป็นสมาชิกแก๊งคอลเซ็นเตอร์โทรศัพท์มาหลอกลวงคนไทยและคนต่างชาติซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายเป็นวงกว้างทั่วประเทศ ส่งผลกระทบทางเศรษฐกิจ และความเป็นอยู่ของประชาชนจำนวนมาก จึงได้สั่งให้มีการดำเนินการสืบสวนปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์
จากการสืบสวนพบว่าคนไทยทั้ง 5 คน ได้ทำหน้าที่โทรศัพท์มาหลอกลวงผู้เสียหายในประเทศไทยหลายคน โดยอ้างเป็นตำรวจ สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี หลอกว่ามีคนเอาเอกสารของผู้เสียหายไปเช่ารถยนต์ และถูกตำรวจค้นพบยาเสพติดในรถ และผู้เสียหายมีส่วนเกี่ยวข้อง ทำให้ผู้เสียหายตกใจกลัว จึงได้มีการแิดไลน์เพื่อส่งเอกสารปลอมหลอกลวงผู้เสียหายว่ามีส่วนเกี่ยวข้องต้องโอนเงิน มาตรวจสอบหรือให้ติดตั้งแอป “DSI” เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ ผู้เสียหายหลงเชื่อทำตามคนร้าย จนกระทั่งผู้เสียหายสูญเสียเงินในบัญชีโอนออกไปไม่รู้ตัว ผู้เสียหายมีจำนวนหลายรายเป็นเงินหลายล้านบาท ทำให้ทางพนักงานสอบสวนกก.1 บก.สอท.3 ได้รับคำร้องทุกข์ไว้ดำเนินคดีกับคนร้ายตามกฎหมาย และได้ขออนุมัติศาลอาญาให้ออกหมายจับกลุ่มผู้ต้องดังกล่าวไว้เเล้ว และประสานงานตำรวจพื้นที่เพื่อเฝ้าสังเกตบุคคลทั้ง 5 จนมีสายลับรายงานมาว่าบุคคลทั้ง 5 กำลังเก็บของเพื่อเดินทางกลับไทยเพราะทำงานไม่เข้าเป้า ทำให้ตำรวจชุดสืบสวนได้มาเฝ้าสังเกตุการณ์ จนผ่านไป 2 วัน ก็พบเห็นบุคคลตามหมายจับเดินอยู่หน้าร้านสะดวกซื้อห่างจากด่านประมาณ 500 เมตร จึงได้นำหมายจับเข้าจับกุมดังกล่าว