ชัยนาท-ชป.12เผยปริมาณน้ำลุ่มเจ้าพระยาช่วงมรสุมพาดผ่านยังไม่น่าห่วง

ภาพ-ข่าว:ธนพนธ์ แสงทอง  

นายพงษ์ศักดิ์ อัครมณี ผู้อำนวยการส่วนบริหารจัดการน้ำและบำรุงรักษา สำนักงานชลประทานที่ 12 เปิดเผยว่า เนื่องจากในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมามีร่องมรสุมที่พาดผ่านทำให้เกิดฝนตกในบริเวณภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลาง ทำให้มีน้ำสะสมเพิ่มขึ้น ซึ่งปัจจุบัน เขื่อนเจ้าพระยามีการระบายน้ำอยู่ที่ประมาณ 700-750 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที โดยจะควบคุมสถานการณ์การระบายน้ำไม่ให้เกิด900 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ปริมาณน้ำที่สถานีวัดน้ำ C.2 จ.นครสวรรค์ก็เพิ่มขึ้นมาตามลำดับ จากปริมาณน้ำไหลผ่าน 600-700 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที จากช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งปัจจุบันมีปริมาณน้ำไหลผ่านอยู่ที่ 1,000-1,200 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที และจากการคาดการของกรมชลประทานจะมีปริมาณน้ำไหลผ่านจุดวัดน้ำC.2 ไม่เกิน 1,300 -1,400 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที และทำให้มวลน้ำดังกล่าวที่ไหลมายังเขื่อนเจ้าพระยา
          ทางกรมชลประทานก็ได้บริหารจัดการน้ำเข้าระบบชลประทานให้เต็มศักยภาพมากที่สุด ซึ่งปัจจุบัน มีการระบายน้ำ เข้าสู่คลองฝั่งซ้ายฝั่งขวา ของแม่น้ำเจ้าพระยาให้เกษตรกรอยู่ที่กว่า 500 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที และทำให้มีความจำเป็นต้องระบายน้ำลงท้ายเขื่อนเจ้าพระยาอยู่ประมาณ 700 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที โดยปกติแล้วเกณฑ์การระบายน้ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยาถ้าเกิน 700 ทางกรมชลประทานก็จะมีการแจ้งเตือน             แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นพื้นที่ที่อาจจะได้รับผลกระทบก็คือพื้นที่ริมตลิ่งของแม่น้ำท้ายแม่น้ำน้อยก็อาจจะมีได้รับผลกระทบบ้างแต่ไม่มากในช่วงเกณฑ์การระบายน้ำไม่เกิน 900 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ในส่วนของน้ำท่าสำหรับการระบายน้ำกรมชลประทานก็จะควบคุมการระบายให้อยู่ในเกณฑ์ที่กำหนดเอาไว้ คือไม่เกิน 900 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที แต่หากสถานีวัดน้ำC.2 ที่ จ.นครสวรรค์ มีประมาณน้ำไหลผ่านต่ำกว่าที่คาดการเอาไว้ ปริมาณน้ำที่จะระบายนั้นก็จะน้อยตามลงไปด้วย และสุดท้ายจากการคาดการของกรมชลประทาน คาดว่า ปริมาณน้ำที่สถานีวัดน้ำC.2 จ.นครสวรรค์ จะอยู่ในเกณฑ์ 1,300-1,400 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที และเขื่อนเจ้าพระยาจะระบายน้ำสูงสุดอยู่ในเกณฑ์ 700-900 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที จะไม่ส่งผลกระทบของพื้นที่เศรษฐกิจ และทางการเกษตรอย่างแน่นอน