เพชรบุรี-อิทธิพลคุกคามนักข่าวล็อคคอแย่งกล้อง..ข่มขู่..! ขณะเข้าทำข่าวดินถล่มรถแบ็คโฮ..!!คนขับจมหายคาบ่อลูกรัง
ภาพ-ข่าว:ศูนย์ข่าวจังหวัดเพชรบุรี
เกิดเหตุรถแบ๊คโฮถูกดินถล่มทับคนขับและรถจมน้ำหายคาบ่อลูกรังอดีตสจ.คนดังกู้ภัยเร่งรุดช่วยเหลือขณะสื่อมวลชนเข้าทำข่าวถูกผู้มีอิทธิพลล๊อคคอแย่งกล้องลบภาพและข่มขู่ห้ามนำเสนอข่าวก่อนไล่ออกนอกพื้นที่
เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 27 ก.พ.ผู้สื่อข่าวรับแจ้งจากหน่วยกู้ภัยมูลนิธิสว่างสรรเพชรธรรมสถานฯ เกิดเหตุรถแบ๊คโฮขุด-ตักดินลูกรังถูกดินพังทลายถล่มทับจมน้ำที่บริเวณบ่อดินลูกรังหมู่ 4 บ้านห้วยหิน ต.เขาใหญ่ อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี จึงเดินทางไปทำข่าว โดยมี นายปริพรรห์ รชตธรรมกุล ผู้สื่อข่าวทีวีช่อง 7 ประจำจังหวัดเพชรบุรี และนายมานิตย์ รักพานิชแสง ผู้สื่อข่าวทีวีช่อง 3 ประจำ จ.เพชรบุรี เดินทางไปถึงที่เกิดเหตุก่อนขณะที่ทีมผู้สื่อข่าวจากสำนักอื่นๆ กำลังเดินทางไปสมทบได้รับแจ้งจากนายมานิตย์ และนายปริพรรห์ ว่าขณะทำข่าวได้ถูกกลุ่มชายและหญิงประมาณ 15 คน ข่มขู่ไม่ให้ทำข่าวและบังคับให้เดินทางออกนอกพื้นที่เกิดเหตุ
สอบถามนายปริพรรห์เปิดเผยว่า ขณะที่ตนกำลังบันทึกภาพเหตุการณ์เจ้าหน้าที่กู้ภัยกำลังค้นหาผู้เสียชีวิตใต้น้ำ ได้ถูกชายไม่ทราบชื่อเดินอ้อมเข้ามาข้างหลังและใช้ท่อนแขนล็อคคอและลากดึงออกมา จากนั้นมีชายใส่ชุดสีกากีสวมเสื้อคลุมสีดำทับ เดินเข้ามาหาสอบถามว่าเป็นผู้สื่อข่าวจากที่ไหน ตนและนายมานิตย์ได้แนะนำตัวและแสดงบัตรประจำตัวผู้สื่อข่าวให้ดู ชายคนดังกล่าวได้ถามกลับมาว่ารู้ไหมกูเป็นใครแล้วเปิดเสื้อคลุมให้เห็นป้ายชื่อแสดงตัวที่หน้าอกชุดสีกากีระบุชื่อนายประสาน อังกินันทน์ เป็นพนักงานประจำขับรถน้ำเทศบาลเมืองชะอำ จากนั้นนายประสานได้ใช้มือค้ำคอตนให้เดินถอยหลังมาที่รถ จากนั้น นายประสานได้เดินมาดึงแมสเปิดหน้านายมานิตย์ และกล่าวว่าขอดูหน้าหน่อยโดยที่นายมานิตย์ไม่ได้ขออนุญาต และไม่ทันให้นายมานิตย์ตั้งตัว
จากนั้นนายประสานได้กล่าวว่าไม่ให้บันทึกภาพถ้าบันทึกภาพจะตามไปจัดการถึงบ้าน ขณะเดียวกันมีชายอีก 1 คนเดินเข้ามาล็อคคอตนและกระชากโทรศัพท์ออกจากมือตนส่งให้ผู้หญิงคนหนึ่งที่ใส่ชุดนอนลายการ์ตูนสีชมพูทำการลบภาพทั้งหมดที่อยู่ในโทรศัพท์มือถือ นายมานิตย์เห็นดังนั้นจึงพยายามห้ามปรามให้ใจเย็นไม่อยากให้เกิดความรุนแรง แต่ปรากฏมีผู้ชายอีก 1 คนเดินมากระชากโทรศัพท์ออกจากมือนายมานิตย์และยื่นส่งให้ผู้หญิงคนเดิมลบข้อมูลเช่นกัน นอกจากนี้ยังมีผู้ชายอีก 1 คนมาดึงบัตรประชาชนและบัตรประจำตัวผู้สื่อข่าวของตนไปบันทึกภาพไว้ จากนั้นกลุ่มคนทั้งหมดประมาณ 15 คนได้เดินล้อมต้อนนายมานิตย์และตนมาที่รถผู้สื่อข่าวบังคับให้ออกนอกพื้นที่โดยนายประสานพูดข่มขู่ย้ำว่าหากมีภาพออกไปตามสื่อต่าง ๆ จะตามไปจัดการถึงบ้าน ทั้งนี้ขณะที่ตนกำลังขับรถออกนอกพื้นที่ ยังมีชาย 2 คนยืนถ่ายวีดีโอบันทึกป้ายทะเบียนรถและ รถ ของนายมานิตย์ตลอดเวลา
นายมานิตย์และนายปริพรรห์ได้เดินทางมาที่ สภ.ชะอำเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับ พ.ต.ท.สายยนต์ ขึ้นนกคุ้ม สารวัตรเวร พร้อมประสานแจ้งเรื่องดังกล่าวให้กับ พ.ต.ท.ชูเกียรติ เพ็ชร์แท้ รองผกก.สส.สภ.ชะอำ และ พ.ต.อ.สมเกียรติ โฉมฉาย ผกก.สภ.ชะอำทราบ พ.ต.อ.สมเกียรติ ได้รายงานให้ พล.ต.ต.ปิติ นฤขัตรพิชัย ผบก.ภ.จว.เพชรบุรีทราบ โดย พล.ต.ต.ปิติ ได้สั่งการเน้นย้ำให้ตรวจสอบใบอนุญาตการขุดดินของบ่อดินดังกล่าว และประเด็นสาเหตุที่ข่มขู่ไม่ให้ผู้สื่อข่าวรายงานเหตุการณ์ตามหน้าที่ และส่วนอื่นๆ พ.ต.อ.สมเกียรติ จึงเชิญตัวนายสมชาย มีนาม อดีต สจ.ชะอำ เพชรบุรี ปัจจุบันเป็นที่ปรึกษานายก อบจ.เพชรบุรี เจ้าของบ่อดินลูกรังที่เกิดเหตุ และเป็นผู้อยู่ร่วมในเหตุการณ์ และนายประสาน ผู้ถูกกล่าวหามาสอบถาม
ด้านนายประสาน ปฏิเสธไม่ได้เป็นผู้ก่อเหตุหรือสั่งการให้เกิดเหตุโดยอ้างว่าเป็นคนกลางขณะเข้าไปห้ามไม่ให้เกิดเหตุและไม่เคยบงการควบคุมหรือคำข่มขู่นายปริพรรห์แต่อย่างใด และไม่ทราบว่าผู้ใดเป็นผู้ก่อเหตุ อ้างว่าอาจเป็นคนของนายสมชาย ด้านนายสมชาย กล่าวว่าขณะเกิดเหตุตนอยู่ในที่เกิดเหตุจริงแต่ไม่ทราบเรื่องการขัดเแย้งเนื่องจากขณะนั้นตนสนใจเพียงการค้นหาศพผู้เสียชีวิตซึ่งเป็นลูกน้อง
เบื้องต้นนายมานิตย์และนายปริพรรห์ ได้แจ้งความให้เจ้าหน้าที่ตำรวจหาผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีฐานประทุษร้ายต่อร่างกายและจิตใจ กักขังหน่วงเหนี่ยว พรบ.คอมพิวเตอร์ ทำลายทรัพย์สิน ข้อมูลในโทรศัพท์มือถือและข่มขู่อาฆาต พร้อมยืนยันดำเนินคดีให้ถึงที่สุด และให้ติดตามหาผู้ก่อเหตุคือคนที่ก่อเหตุล๊อกคอนายปริพรรห์ ผู้ที่ก่อเหตุใช้มือค้ำคอนายปริพรรห์ผู้ที่ก่อเหตุดึงโทรศัพท์มือถือจากมือนายปริพรรห์และนายมานิตย์ผู้ที่ก่อเหตุลบข้อมูลโทรศัพท์ และผู้ที่ก่อเหตุข่มขู่มาเพื่อขอโทษแต่ในส่วนของคดีความต้องการดำเนินคดีอย่างถึงที่สุด