ตาก-ทหารกะเหรี่ยงยังคงยิงปะทะทหารฝ่ายเมียนมาเป็นวันที่สอง..ไทยตรึงกำลังเข้ม..!!
ภาพ-ข่าว เกษมสันต์ ไชยเดช
ล่าสุดยอดผู้อพยพหนีภัยการสู้รบทะลุ 5000 คนส่วนใหญ่เป็นเด็กและผู้หญิงท่ามกลางอากาศร้อนจัดกาชาดแม่สอดเร่งส่งอาหารและน้ำดื่มช่วยเหลือตามหลักสากลพร้อมเฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
เมื่อเวลา 14.00 น. ( 06 เม.ย. 66 ) สถานการณ์การสู้รบที่แนวชายแดนไทย-เมียนมา ฝั่งตรงข้ามชายแดนอำเภอแม่สอดและอำเภอแม่ระมาด จังหวัดตาก ช่วงเที่ยงที่ผ่านมาทหารกะเหรี่ยงเคเอ็นแอลเอ( knla ) หน่วยจู่โจมกองพัน 708 บก.ยุทธการที่ 2 พร้อมดัวยทหารกลุ่มพีดีเอฟ ( pdf ) ยังคงยิงปะทะกับทหารกองทัพเมียนมาและทหารกองกำลังพิทักษ์ชายแดนหรือ บีจีเอฟ ( bgf )
โดยทหารทั้งสองฝ่ายยังคงเผชิญหน้ากันที่ใกล้ฐานทหาร บีจีเอฟ บ้านทีกอทอประเทศเมียนมาและมีการยิงปะทะด้วยอาวุธหนักหลายระรอกโดยเสียงปืนเล็กยาวและเสียงเครื่องยิงลูกระเบิดหลายขนาดสามารถได้ยินอย่างชัดเจนได้ในฝั่งชายแดนอำเภอแม่สอดและอำเภอแม่ระมาด ก็ทำให้ชาวบ้านฝั่งไทยที่มีบ้านพักอาศัยใกล้แม่น้ำเมยและใกล้พื้นที่ยิงปะทะต่างเริ่มรู้สึกไม่ปลอดภัยและเฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยการยิงปะทะเมื่อวานมีรายงานทหารกะเหรี่ยงถูกสะเก็ดระเบิดบาดเจ็บไม่ต่ำกว่า 8 นายและเสียชีวิต 1 นายและฝ่ายทหารเมียนมาและทหารบีจีเอฟ มีความสูญเสียไม่ทราบจำนวนด้วยเช่นกัน
ขณะเดียวพื้นที่ปลอดภัยชั่วคราวจำนวน 6 แห่งทั้งในเขตอำเภอแม่สอดและเขตอำเภอแม่ระมาด จังหวัดตาก หลังเกิดการยิงปะทะกันอย่างหนักในฝั่งประเทศเมียนมาก็ส่งผลทำให้มีชาวกะเหรี่ยงในหลายหมู่บ้าน เขตจังหวัดเมียวดี ประเทศเมียนมา จำนวนมากกว่า 5000 คนต่างต้องอพยพหนีตายข้ามแม่น้ำเมยเข้ามาหลบพักอาศัยในพื้นที่ปลอดภัยชั่วคราวที่ฝ่ายปกครองจัดเตรียมการไว้ให้ โดยช่วงเที่ยงวันนี้เจ้าหน้าที่ทหารหน่วยเฉพาะกิจราชมนู ฝ่ายปกครองอำเภอแม่สอด ตำรวจและอาสาสมัครได้ระดมอาหารและน้ำดื่มสะอาดและยารักษาโรคเบื้องต้นเร่งส่งความช่วยเหลือไปมอบให้ผู้หนีภัยการสู้รบชั่วคราวได้รับประทานท่ามกลางเสียงระเบิดที่ยังคงดังต่อเนื่องและสภาพอากาศที่ร้อนจัด ทีมแพทย์สนามและทีมอาสากู้ชีพต้องหมั่นเข้าไปตรวจสุขภาพเด็กและคนชราเพื่อป้องกันอาการเป็นลมแดดจากอากาศร้อนจัด พร้อมจัดกำลังเจ้าหน้าที่ตรึงกำลังดูแลรักษาความปลอดภัยรอบพื้นที่ปลอดภัยชั่วคราวทั้ง 6 แห่งอย่างเข้มงวด
ด้านนายจี อายุ 45 ปี หนึ่งในชาวกะเหรี่ยงที่อพยพหนีตายออกจากหมู่บ้านฝั่งประเทศเมียนมาเล่าว่า ขณะเกิดเหตุตนเองกำลังทำงานซึ่งชาวบ้านทุกคนต่างก็เตรียมความพร้อมมาโดยตลอดจนเสียงปืนดังตกใกล้หมู่บ้านของตนก็เลยต้องรีบพากันวิ่งหนีตายออกทั้งหมู่บ้านแล้วขอข้ามมาหลบภัยชั่วคราวที่ฝั่งชายแดนประเทศไทยและตนเองต้องขอขอบคุณน้ำใจคนไทยและเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยทุกคนที่มอบอาหารน้ำดื่มตลอดจนที่พักชั่วคราวให้ชาวกะเหรี่ยงทุกคนที่หนีมาหลบภัยการสู้รบในฝั่งไทยและถ้าสถานการณ์ยุติลงตนเองและครอบครัวก็จะเดินทางกลับบ้านในฝั่งประเทศเมียนมาโดยทันทีเนื่องจากเป็นห่วงทรัพย์สินภายในบ้านของตนเอง