เขตหัวไทร-ปากพนัง “แทน” ต้องทำให้ “เท่ห์”ชนะ จับตา “มนตรี-เพื่อไทย” ตัวเสียบ
ภาพ-ข่าว:นายหัวไทร
บรรณาธิการ-อริย์ธัช พรอัศวโยธิน
เดินเก็บข้อมูลอยู่ในเขต 3 นครศรีธรรมราช (ปากพนัง-หัวไทร) 3 วัน ได้ข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึงในวันที่ 14 พฤษภาคมนี้ ถึงวิธีคิดของชาวบ้านที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างมีนัยยะ
เขตหัวไทร-ปากพนังเดิมเป็นเขตเลือกตั้งที่ 2 แต่ปัจจุบันเป็นเขต 3 ซึ่งมี “สัญหพจน์ สุขศรีเมือง” เป็น ส.ส.อยู่ สังกัดพรรคพลังประชารัฐ และเลือกตั้งคราวนี้ยังอยู่ในสังกัดพลังประชารัฐเหมือนเดิม และเป็นพรรคที่มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นหัวหน้าพรรค และเป็นคาดิเดตนายกรัฐมนตรี
ตามที่ได้ฟังเสียงสะท้อนจากชาวบ้าน กระแสของ”สัญหพจน์” แผ่วเบามาก และแผ่วเบาพอๆกับเมื่อ 4 ปีก่อน ซึ่งสัญหพจน์ได้รับการเลือกตั้ง น่าจะเกิดจากกระแส “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มากกว่า เมื่อบวกรวมกับความต้องการเปลี่ยนของชาวบ้าน และสอนบทเรียนให้ประชาธิปัตย์ ทำให้สัญหพจน์ได้รับการเลือกตั้งเข้าไปเป็น ส.ส. และถือเป็นเขตล้มช้าง เพราะเอาชนะ “วิทยา แก้วภารดัย จากพรรคประชาธิปัตย์ ชนิดหักปากกาเซียน
แต่สำหรับการเลือกตั้งครั้งใหม่ “ลุงตู่”ไม่อยู่แล้ว ย้ายไปสังกัดพรรครวมไทยสร้างชาติ กระแสลุงตู่สำหรับสัญหพจน์จึงไม่มี ไม่มีตัวช่วยเหมือนครั้งก่อน ตัวช่วยอย่าง พ.อ.สุชาติ จันทรโชติกุล ก็ไม่อยู่แล้ว คราวปี 2562 พ.อ.สุชาติ เป็นตัวช่วยในการทำคะแนนให้สัญหพจน์ไม่น้อย
ถามว่า ถ้าอย่างนั้นกระแสจะไปอยู่ตรงไหน ใครมีโอกาสได้รับเลือกเป็น ส.ส. ย้อนไปเมื่อ 5-6 เดือนก่อน กระแสของ “มานะ ยวงทอง”จากพรรคภูมิใจไทย ค่อนข้างแรงกับคนรุ่นใหม่ กับพรรคที่กำลังมีกระแสแรงในภาคใต้ แต่วันเวลาผ่านไป กระแสของมานะเริ่มจะถดถอย ถดถอยอันเกิดจากหลายเหตุผล ประการแรกเกิดจากตัวมานะเองที่ไม่ชัดเจนในบางเรื่อง ทำงานจัดตั้งไม่เข้มแข็งพอ ได้หน้าลืมหลัง เดินไปข้างหน้า ไม่หันไปมองข้างหลัง หัวคะแนนระดับ “หัวกะทิ” เริ่มถอยห่าง ซึ่งเป็นหัวกะทิในระดับจัดการคะแนนได้ จัดตั้งเป็น รู้จักคนในพื้นที่ดีว่าใครเป็นใคร น่าจะช่วยใคร แต่มานะกลับไม่เห็นคุณค่า ปล่อยให้เขาเคว้งคว้าง และคนอื่นมาคว้าพุงปลามันไปกิน เมื่อบวกรวมกับกระแสพรรคภูมิใจไทยที่ไม่หวือหวาเหมือนเดิม ถูกโหมกระหน่ำหนักทั้งเรื่องกัญชา เรื่องศักดิ์สยาม ชิดชอบ ถูกศาลสั่งพักงาน “เสี่ยชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์” ก็ตามบี้ไล่หลัง ยังมีเรื่องศาลสั่งให้เพิกถอนเอกสารสิทธิ์ที่ดินเขากระโดง ที่ถูกกล่าวหาบุกรุกที่ดินรถไฟอีก…หนักหน่อยนะ
ใครเข้ามาคว้า ที่เห็นอย่างน้อยสองคน คนแรกคือ “เท่ห์” พิทักษ์เดช เดชเดโช จากพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อเขตเลือกตั้งชัด “เท่ห์” ก็ชัดว่า จะลงเขต 3 และเริ่มลุยหัวไทรทันที หลังจากบุกปากพนังมาแล้วหลายเดือนจนลงตัว “เท่ห์” เข้าหัวไทรถี่ยิบ โดยมีพี่ชาย “แทน” ชัยชนะ เดชเดโช รองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ เป็นคนชี้เป้า ชี้เป้าไปยังผู้นำท้องถิ่น ผู้นำท้องที่ และผู้นำตามธรรมชาติ และบางคนแทนยกหูคุยเอง และเดินทางไปพบด้วยตัวเอง
ไม่ใช่แค่นั้น หลังแทนบุกเข้าไปชี้เป้าให้เท่ห์ ยังมี “เจ้ต้อย” กนกพร เดชเดโช นายกฯ อบจ.ผู้เป็นแม่ ตามไปสำทับ ผ่านองค์กรท้องถิ่น ผู้นำสตรีอีกครั้ง กระแสประชาธิปัตย์ที่เดิมไม่ค่อยดีนัก แต่การเข้ามาเองของ “แทน-ต้อย” เริ่มมีคนกล่าวขานถึง กล่าวขานถึงการมีโอกาสได้รับเลือกตั้งสูง และเชื่อว่า “ต้อย-แทน” จะต้องทำให้ “เท่ห์”ชนะในเขตนี้ ไม่งั้นก็ “บัดสีคน”
แต่ไม่ควรมองข้าม “มนตรี เฉียบแหลม” จากพรรคเพื่อไทย ที่แม้ว่าพรรคเพื่อไทยจะมีฐานเสียงที่เบาหวิวในภาคใต้ แต่สำหรับการเลือกตั้งครั้งนี้ “กระแสมี” แต่จะมีให้ถึงชนะได้หรือไม่ อยู่ที่การจัดการ แต่คะแนนพรรคจะมาแบ่ง-แย่ง ไปจากพรรคอื่นแน่นอน
มนตรีเสียเปรียบตรงที่พรรคเพื่อไทยโอ้เอ้ตัดสินใจช้า เปิดตัวช้ากว่าพรรคอื่น และต้องย้ายจากเขต 2 มาเขต 3 มนตรีจึงต้องทำงานหนักกว่าคนอื่นสองสามเท่า แต่เชื่อว่า “สุธรรม แสงประทุม” อดีต ส.ส.เขตนี้มาก่อนน่าจะช่วยได้ในระดับหนึ่ง และอาจจะมี “สมศักดิ์ เทพสุทิน” ที่ย้ายมาสังกัดเพื่อไทยแล้ว เข้ามาจัดการในกลุ่ม “ไก่ชน-วัวชน”
ส่วนนนทิวรรธน์ นนธภักดิ์ จากพรรครวมไทยสร้างชาติ ยังถือว่าอ่อนด้อยในโซนหัวไทร แต่จะมีคะแนนหนาแน่นอยู่ในตลาดปากพนัง คงต้องใช้ “วิทยา แก้วภารดัย” รองหัวหน้าพรรค เป็นตัวช่วย ใช้โครงข่ายเดิมในฐานะอดีต ส.ส.ย่านนี้มาก่อน ซึ่งก็ไม่ง่าย เพราะวิทยาเองก็สอบตกมาแล้ว เป็นเขตล้มช้าง
สำหรับเขต 3 หัวไทร-ปากพนัง ผมให้จับตาการขับเคี้ยวกับของสาย “เท่ห์” กับสาย “มนตรี” แต่ใครจะแพ้ชนะให้สังเกตโค้งสุดท้ายอีกรอบ แต่วินาทีนี้ แทนจะต้องไม่ยอมให้น้องแพ้ง่ายๆแน่นอน และอยู่ที่มนตรีจะจัดการคะแนนได้แค่ไหน