สระบุรี-อบต.บัวลอย ร่วมกับกำนัน และชาวบ้าน จัดกิจกรรม‘’ย้อนวันวาน‘สืบสานวิธีไทย ลงแขกดำนา ถอนกล้า ‘’
ภาพ-ข่าว:สมภพ พิมมะศร
วันที่ 9 เมษายน 2566 ที่บริเวณ ทุ่งปอเทือง หมู่ 10 ต.บัวลอย อ.หนองแค จ.สระบุรี นายทวีศักดิ์ อยู่ถาวร ( นายกฯเก่ง ) นายก องค์การบริหารส่วนตำบลบัวลอย พร้อมด้วย นายอภินันท์ วังศิลา กำนัน และชาวบ้านตำบลบัวลอย ได้ร่วมกันจัดกิจกรรม ย้อนวันวานสืบสานวิถีไทย ถอนกล้า ดำนา ปลูกข้าว เพื่อทำให้ชาวบ้านหวนระลึกถึงอดีตในครั้งหนึ่ง ด้วยความรัก ความสามัคคี ร่วมแรงร่วมใจ ลงแขกดำนา ตามโบราณของคนไทยไม่ให้จางหายไป ชาวบ้านชุมชนตำบลบัวลอยส่วนใหญ่ ประกอบอาชีพทำนาเป็นหลัก ทำนาตั้งแต่ดั้งแต่เดิม แล้วยังเป็นการอนุรักษ์อาชีพทำนาพื้นบ้านอีกด้วย และจะทำเป็นศูนย์เรียนเรียนรู้ ในการย้อนรอยวิถีชีวิตชาวนาให้บุตรหลานคนรุ่นหลังได้มาเรียนรู้และพัฒนาอาชีพเพื่อต่อยอดจากรุ่น ปู่ย่า ตายาย พ่อแม่ จึงได้จัดศูนย์การเรียนรู้กับคนรุ่นหลังได้ศึกษาวิถีชุมชนคนทำนาต่อไป
โดยมีเนื้อที่ร่วม 20 ไร่ จะถอนกล้า ดำนา ปลูกข้าว ทำให้แล้วเสร็จตามโครงการนี้ แล้วจะพลิกพื้นที่เหล่านี้ ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว ตามวิถีชาวบ้านอีกครั้งหนึ่ง เพื่อให้พี่น้องนักท่องเที่ยวที่ผ่านไปมา มาดูวิถีชีวิตการทำนาของชาวบ้านตำบลบัวลอย เพื่อให้เป็นศูนย์เรียนรู้ในการพัฒนาอาชีพ สำหรับคนรุ่นหลังที่ยังไม่เคยเห็นการ ถอนกล้า ดำนา ปลูกข้าว ในอดีตมาก่อน
นายทวีศักดิ์ อยู่ถาวร นายก องค์การบริหารส่วนตำบลบัวลอย กล่าวว่า วันนี้เป็นฤกษ์งามยามดี ที่เราได้ย้อนวิถีชีวิตชาวบ้านของเราตั้งแต่สมัยก่อน ว่าเราเคยร่วมกันลงแขก ไม่ว่าจะเป็น ถอนกล้า ดำนา เกี่ยวข้าว ซึ่งเราร่วมรักสามัคคีกันในสมัยก่อน แต่ในปัจจุบันวิถีชีวิตตรงนี้ได้ศูนย์หายไป เพราะฉะนั้นวันนี้ตนเองในฐานะนายกองค์การบริหารส่วนตำบลบัวลอย พร้อม กำนัน และพัฒนาชุมชนของตำบล ก็ได้ทำกิจกรรมนี้ขึ้น เพื่อทำให้หวนระลึกถึงครั้งหนึ่ง ความรัก ความสามัคคี ที่เราเคยมีนั้นที่มันจางหายไป เราจะให้มันกลับมาอีกครั้งหนึ่ง โดยการมาช่วยกันถอนกล้าและดำนา โดยกิจกรรมนี้ก็จะมี ในวันที่ 8 – เมษายน 66 เพื่อจะดำนาผืนนี้ให้แล้วเสร็จ เมื่อเราดำเนินโครงการนี้ให้แล้วเสร็จ พื้นที่เหล่านี้ก็จะกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยววิถีชีวิตชาวบ้านของตำบลบัวลอยอีกครั้งหนึ่ง เราก็จะมีกิจกรรมทุกๆเย็นวันเสาร์และวันอาทิตย์ เพื่อให้พี่น้องที่ผ่าไป-มา ได้มาดูวิถีชีวิตการดำนาเป็นยังไง เพราะที่เราได้ศึกษามาการดำนาแต่ก่อน จะให้ผลผลิตที่ค่อนข้างสูงและดี เราก็จะลองมาดูว่า หากเราย้อนอดีตกลับไปได้ ผลิตที่เราได้นั้นมันจะดีอย่างที่เขาว่าหรือเปล่า ซึ่งวันนี้ท่านกำนันก็ได้มาดำไปหลายมัดแล้ว แล้วก็ขอฝากวิถีชีวิตชาวบ้านของเรา ซึ่งทางตนและทีมงานจะทำเรื่องของวิถีชุมชนให้เกิดขึ้น เพื่อจะได้ศึกษาวิถีชีวิตที่ผ่านมา ว่าเราดำเนินการอย่างไร และเรามีความรักความสามัคคีกันอย่างไร
ด้าน นายอภินันท์ วังศิลา กำนัน ยังกล่าวต่ออีกว่า และคงจะไม่ใช่แค่ดำนา การดูแล เราก็จะใช้วิถีโบราณทั้งหมด เดี๋ยวจะเกี่ยวแล้วก็ลอมลานข้าว และจะมีการตีหัวข้าว เอาขี้ควายมาทาลานด้วย อยากให้ติดตามกัน และอยากจะสื่อถึงคนรุ่นหลัง ว่าตั้งแต่อายุ 20 ปีลงมา ตนว่าดำนาไม่เป็น แต่รุ่นตนยังทันอยู่ แต่คนรุ่นหลังน่าจะไม่ทัน แต่ถ้าอยากมาดูการดำนาว่าสมัยโบราณเขาทำอย่างไร ก็เชิญมางานนี้ จะได้เห็นวิถีชีวิตของคนโบราณ ว่าการทำนา กว่าจะได้ข้าวแต่ละเม็ดมันลำบากแค่ไหน จะได้รู้คุณค่าของข้าว ชาวนาไทย ที่พ่อแม่ปู่ย่าตายายเรารักษาประเพณีนี้มา ก็ฝากเยาวชนรุ่นหลังผู้ที่ติดตามมาดูวิถีชีวิตตรงนี้ พื้นที่นี้ที่จริงมี 18 ไร่ แต่เราจะทำแปลงสาทิต ประมาณ 6 ไร่ และที่เหลือเราจะปลูกดอกไม้พันธุ์พืชที่สวยงาม และเราได้รับความร่วมมือจากภาคอุตสาหกรรมเป็นอย่างดี ก็จะนำต้นไม้ยืนต้นมาลง เต็มพื้นที่ผืนนี้เลย ก็ได้ประสานงานมาหลายโรงมากเลยตอนนี้ และจะเป็นแลนด์มาร์คของตำบลบัวลอยต่อไป สุดท้ายนี้ขอฝากวิถีชาวบ้านของเรา ควรอนุรักษ์ไว้ ส่วนคนที่มาร่วมงานในวันนี้ ล้วนแต่มีที่นาไม่ต่ำกว่า ตั้งแต่ 10 – 100 ไร่ ซึ่งเขาก็ตื่นเต้นที่จะมาร่วมกันถอนกล้า ดำนา ในวันนี้ เพราะเขาบอกว่าที่ผ่านมาใช้วิธีหว่านเอา และรู้สึกว่าชาวบ้านตื่นเต้น อยากร่วมงานนี้เป็นอย่างมาก ส่วนข้าวที่เราใช้ เป็นข้าวพันธ์ 79 ซึ่งเราวางแผนไว้แล้วว่า ถ้ามีการเก็บเกี่ยว เราก็จะเอาไปแจกจ่ายให้กับพี่น้องผู้ยากไร้ และผู้สูงอายุในตำบลของเรา ซึ่งเราจะทำเป็นวิถีชีวิตชุมชนต่อไป และการเก็บข้าวเราจะใช้เวลานานหน่อย ประมาณ 110 วัน จะมีการลอมข้าวใช้เคียวเกี่ยวแล้วมัดเป็นท่อนๆ ไม่ใช่เครื่อง ตามวิถีโบราณ