“นิพนธ์”ชู นโยบายขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศ อัดฉีดเงินเข้าระบบฯทันที 1 ล้านล้านบาท
ภาพ-ข่าว:นายหัวไทร
ยกช่วงวิกฤตโควิด จุรินทร์ นั่งพาณิชย์ฯ โชว์ฝีมือเร่งส่งออกกว่า 10 ล้านล้านบาท ชี้ ปัญหาชายแดนใต้ต้องจบที่การพูดคุยเจรจา ย้ำ นโยบายสวัสดิการปัจจุบันล้วนมาจากประชาธิปัตย์
เมื่อวันที่ 24 เม.ย.66 บนเวที BIG DEBATE ซึ่งจัดโดยช่อง 7HD และเทโร เอ็นเทอร์เทนเม้นท์ ในรายการ วันเลือกตั้ง 66 #วาระคนไทย BIG DEBEAT ตามติดสนามเลือกตั้งภาคใต้ นายนิพนธ์ บุญญามณี รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมกับผู้สมัคร ส.ส.ภาคใต้จาก 8 พรรคการเมือง ที่มาประชันวิสัยทัศน์ แสดงจุดยืนและนำนโยบายมาประชันกัน ณ สวนสาธารณะเมืองสงขลา โดยนายนิพนธ์ บุญญามณี รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวในเวที DEBEAT ว่าวันนี้ประชาธิปัตย์มีนโยบายเติมเงินในระบบเศรษฐกิจของประเทศ หลังจากที่เกิดวิกฤตโควิดมา 3 ปี สิ่งที่ประชาธิปัตย์ประกาศสร้างเงิน สร้างคน สร้างชาติ โดยการสร้างเงินนั่นคือ การที่ประชาธิปัตย์จะอัดฉีดเงิน 1 ล้านล้านบาทเข้าระบบเศรษฐกิจของประเทศ โยอัดฉีดเงินเข้าในหมู่บ้านและชุมชนละ 2 ล้านบาท ตามด้วยนโยบายประกันรายได้ให้กับเกษตรกร ไม่ว่าจะเป็นยางพารา ปาล์ม ข้าว มันสำปะหลังและข้าวโพด
ถ้าไม่มีนโยบายประกันรายได้ ถ้าราคายางลงมาเหลือ 30 บาท เกษตรกรก็จะได้เพียง 30 บาทเท่านั้น แต่ถ้ามีการประกันรายได้ เวลาน้ำยางเหลือ 30 บาท พี่น้องจะได้ส่วนต่างอีก 27 บาท รวมเป็น 57 บาท นี่คือการอัดฉีดเงินเข้ไปในระบบเศรษฐกิจ และปาล์มก็เช่นกัน ช่วงวิกฤติที่ผ่านมา อย่างอื่นเสียหายหมดเครื่องจักรทุกตัวเสียหายหมด เหลืออยู่อย่างเดียวนั่นคือ การส่งออก ปี 2565 เรามีการส่งออกประมาณ 10 ล้านล้านบาท กระทรวงพาณิชย์ดูแลโดยท่านจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ สร้างเงินให้ทั้งประเทศ รวมถึงอัดฉีดให้มีเงินกองทุน เอสเอ็มอี ถ้ามีแต้มต่อ เราจะอัดฉีดเงินให้แก่ SME อีก 300,000 ล้านบาท นี่คือการที่จะเติมเงินเติมเลือดเข้าไปสู่ระบบเศรษฐกิจ ดังนั้นประชาธิปัตย์เรื่องสร้างเงินให้ประชาชน เรื่องสร้างเงินให้ประเทศประชาธิปัตย์มีเตรียมไว้หมดแล้ว แม้กระทั่งการไปเจรจา FTA กับต่างประเทศซึ่งไม่เคยมีมาหลายสิบปี ประชาธิปัตย์ไปเปิดเวที ไปเปิดการเจรจากัน และเราจะเชื่อมโยงกับต่างประเทศอีก ราว 27-30 ประเทศ และจะสามารถขายส่งออกสินค้าอีกมาก ฉะนั้นนี่คือการส่งออก การสร้างเงินให้กับประเทศ และถ้าส่งออกมากเท่าไหร่ เราก็จะเก็บภาษีคืนมาได้มากเท่านั้น ประขาธิปัตย์จึงคิดในการเติมเงินเข้าในระบบเศรษฐกิจ
นายนิพนธ์ ยังกล่าวอีกว่า ซึ่งทีมเศรษฐกิจของพรรคประชาธิปัตย์ที่ผ่านมา จะทำหาดใหญ่ให้เป็นศูนย์กลางการเงินในระดับนานาชาติ และเราจะมีกฏหมายพิเศษที่จะเปิดโอกาสให้สถาบันการเงินมาอยู่ที่หาดใหญ่ ทำเหมือนกับสิงคโปร์ ฮ่องกง และลาบวมของมาเลเซีย
สำหรับการแก้ไขปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น ประชาธิปัตย์ประกาศชัดเจนว่า ประชาธิปัตย์ประกาศชัดเจนเลยว่า วันนี้ปัญหาใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ถึงเวลาที่จะต้องทำสันติภาพให้เกิดขึ้นให้ได้ เพื่อนำไปสู่สันติสุขในจังหวัดชายแดนใต้ คำว่าสันติภาพนั่นก็คือว่า บัดนี้เราต้องเลิกราฆ่าฟันกัน เหตุการที่จะทำให้ถึงแก่ชีวิต เราสูญเสียชีวิตไปแล้ว 7,000 กว่าราย บาดเจ็บนับหมื่น งบประมาณจากปี 47 ที่มีการปล้นปืนจนถึงปัจจุบัน 500,000 กว่าล้านแล้ว เราถมไปเท่าไหร่ก็ไม่เต็มเพราะ ปัญหาคือเราต้องทำให้เกิดสันติภาพก่อน ถ้าเกิดสันติภาพ สันติสุขก็จะเกิด ปชป.จึงมีความมั่นใจว่าการพูดคุยกับกลุ่มคนที่เห็นต่างมันมีความจำเป็น ไม่มีสงครามที่ไหนทางจะเอาชนะกันด้วยสงครามอาวุธ นอกจากการพูดคุยการเจรจากัน นี่คือหนทางสู่สันติภาพในจังหวัดชายแดนภาคใต้ แล้วเรามาแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างนั่นก็คือ แก้ปัญหาความยากจนในพื้นที่ ประชาธิปัตย์คิดเรื่องนี้มาอย่างเป็นระบบ เราจัดการเรื่องการศึกษา เราใช้เวลาช่วงนี้จัดการศึกษา จนทุกจังหวัดในจังหวัดชายแดนมีมหาวิทยาลัยหมดแล้ว บัดนี้ปัญหาคือทำอย่างให้ผู้ที่จบการศึกษาทำงานที่นี่ มีงานทำที่นี่ไม่ทิ้งบ้านทิ้งเมือง หรือทิ้งพ่อ แม่ไว้ข้างหลัง ดังนั้นจึงต้องสร้างงานให้เขาทำ
นี่คือสิ่งที่ประชาธิปัตย์จะเดินหน้าสร้างอาชีพ สร้างอาขีพให้ชาวประมงโดยการปลดล๊อกให้ชาวประมง จังหวัดปัตตานี นราธิวาสต้องเลิกกฏหมายที่กดขี่ชาวประมง พี่น้องชาวประมงชายฝั่งต้องสร้างความเข้มแข็งให้ประมงท้องถิ่นและประมงพื้นบ้าน ซึ่งประชาธิปัตย์ประกาศชัดเจนเราจะดูแลชาวประมงกลุ่มนี้ พี่น้องชาวประมง ประมงชายฝั่ง ประมงพื้นบ้านเราจะดูแลอย่างเป็นระบบโดยให้กลุ่มละ 100,000 บาท ต่อปีรวมถึงดูแลเกษตรกรพืชไร่ พืชสวน จังหวัดยะลาเป็นเมืองหลวงของทุเรียน เป็นฮับทุเรียนในภาคใต้ เราต้องทำอย่างนี้ให้เกิดขึ้นที่ยะลาให้ได้ ปศุสัตว์เราต้องทำพื้นที่ในจังหวัดชายแดนใต้ ให้เป็นปศุสัตว์ให้ได้ ผมเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยมาช่วงก่อนหน้านี้ ออกโฉนดที่ดินรอบเขาบูโดมาแล้วแสนกว่าแปลง และปชป.ประกาศว่าจะทำต่อใน 4 ปีอีก 1 ล้านแปลง นโยบาย ประชาธิปัตย์พูดแล้วทำได้ ทั้งเรื่องของนมโรงเรียน อาหารกลางวัน เงินกยศ. และบอกต่อว่าจะให้ทุกคนเรียนฟรีถึงปริญญาตรีในสาขาขาดแคลน ที่สำคัญคือนโยบาย ให้ค่าตอบแทน อสม. และผู้สูงอายุ ประชาธิปัตย์ก็เป็นคนริเริ่มคิดแล้วทำ
สุดท้ายก็อยู่ที่พี่น้องประชาชน ที่จะให้ความไว้วางใจในพรรคประชาธิปัตย์ และพรรคประชาธิปัตย์ก็น้อมยอมรับในความคิดเห็นของพี่น้องประชาชน ซึ่งพรรคพร้อมที่จะทำหน้าที่ได้ทั้งฝ่ายรัฐบาล และฝ่ายค้าน โดยในรอบนี้พรรคประชาธิปัตย์ตั้งเป้าในพื้นที่ภาคใต้เราจะได้ไม่ต่ำกว่า 40 ที่นั่งแน่นอน