ปราจีนบุรี-หญิงป่วยติดเตียง3 ปี แถมโชคร้ายลูกชายเป็นเจ้าชายนิทรา
ภาพ-ข่าว:มานิตย์ สนับบุญ
ละครชีวิตหญิงหม้าย รันทดสุด ๆ อดีตสาวโรงงานล้มจนป่วยติดเตียงมา3ปี อยู่กับลูกชายตามลำพัง แต่โชคร้ายลูกชายคนเดียวที่เป็นเสาหลักเกิดประสบอุบัติเหตุทางรถจนกลายเป็นเจ้าชายนิทราขณะกลับจากทำงาน นอภ.ทราบเรื่องรีบดูแล
วันนี้ 3 ก.ค.66 ผู้สื่อข่าว จ.ปราจีนบุรีรายงานว่าได้รับแจ้งจากชาวบ้าน มีชีวิตจริงยิ่งกว่าละคร ของนาวสาววิไลวรรณ พูลศรี อายุ53 ปี อยู่บ้านเลขที่ 43/2 หมู่ 8 ต.บ้านทาม อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี จากอดีตสาวโรงงานในนิคม ย่าน 304 ต้องกลายเป็นผู้ป่วยติดเตียง หลังประสบอุบัติลื่นเหตุล้มก้นกระแทกจนเป็นผู้ป่วยติดเตียงมานานร่วมสามปี อาศัยอยู่ในบ้านที่มีสภาพไม่ต่างจากกระต๊อบไม่สามารถกันฟ้ากันฝนได้ ซ้ำหากฝนตกหนักน้ำก็จะไหลเข้าในพื้นบ้านที่เทปูนบางๆบ่อยครั้งที่มีงูและตะขาบหนีฝนเข้ามาร่วมพักอาศัย ตลอดระยะเวลาที่เป็นผู้ป่วยติดเตียง ไม่เคยได้รับการเหลียวแลแม้บัตรผู้พิการที่ควรจะได้ตามสิทธิ์อย่างน้อยเงินจำนวน 800 บาทต่อเดือนก็ไม่ได้ ทั้งที่ อสม. และ ผอ.รพ.ศรีมหาโพธิ ไปเยี่ยมถึงบ้านแต่กลับบอกว่าให้นางสาววิไลวรรณ ไปตรวจสุขภาพที่ รพ.สต.บ้านทาม เพื่อจะได้ออกบัตรคนพิการทั้งที่ป่วยมาสามปี
ยิ่งกว่านั้นเมื่อ 25 พ.ค. 2566 นางสาววิไลวรรณ พูลศรี ยังต้องพาสังขารที่ช่วยต่อเองไม่ได้ ไปขอทำบัตรประชาชนใหม่ที่หมดอายุลง โดยมี พี่น้องอาสาสมัครกู้ภัยสว่างบำเพ็ญธรรมสถานปราจีนบุรี จุด อ.ศรีมหาโพธิ อุ้มขึ้นรถไปทำบัตรใหม่แทนบัตรเก่า ณ ที่ว่าการอำเภอศรีมหาโพธิ ท่ามกลางสายตาประชาขนที่มองด้วยความเวทนาหดหู่ใจและถามว่า ทำไมทางเจ้าหน้าที่ไม่ออกไปบริการทำให้ชีวิตของวิไลวรรณ ยังต้องพบกับเรื่องร้ายๆเข้ามากระหน่ำไม่หยุด และดูจะยิ่งกว่าที่ผ่านมาหนักหนาสาหัสกว่าหลายเท่า เมื่อได้รับแจ้งจาก ญาติเมื่อคืนวันที่ 13 มิ.ย. 2566 เวลา 23.01 น. ว่านายสุธานนท์ พูลศรี อายุ 23 ปี ลูกชายคนเดียวที่เลี้ยงมาตามลำพัง เมื่ออายุได้เพียง 8 เดือน เพราะผู้เป็นพ่อทิ้งไป ปัจจุบันเป็นเสาหลักของครอบครัวสองแม่ลูก เกิดอุบัติเหตุ ขับรถจักรยานยนต์ กกม. 910 นครนายก เพื่อกลับบ้านหลังงานเลิก ชนกับรถยนต์เก๋ง ทะเบียน กจ. 23 สระแก้ว ที่มีนายวีรศักดิ์ บุญศรี อายุ 30 ปี เป็นคนขับ (ตามภาพจากกล้องวงจรปิด ) ที่หน้าปั๊มน้ำมัน ปตท. บ้านโคกขวาง จนได้รับบาดเจ็บสาหัส และ จนถึงขณะนี้ยังไม่รู้สึกตัวอยู่ในห้อง ICU รพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร แต่ทั้งที่ภาพจากกล้องวงจรปิดบันทึกได้ชัดเจนว่า รถยนต์เก๋งเลี้ยวตัดหน้ากระชั้นชิด แต่ ร้อยเวร สภ.ศรีมหาโพธิวันนั้น กลับแจ้งว่า ประมาทร่วม นั่นหมายถึงผิดทั้งคู่ ท่ามกลางความคลางแคลงใจของผู้พบเห็น ทั้งยังไม่มีการแจ้งข้อหาใดๆ บอกแต่เพียงว่ารอให้ นายสุธานนท์ ดีขึ้นจึงจะได้นัดให้มาสอบปากคำซึ่งไม่รู้เมื่อไหร่
ขณะที่นางพเยาว์ พูลศรี พี่สาวของนางสาววิไลวรรณ เองซึ่งต้องมีภาระคอยวิ่งรอกดูวิไลวรรณ น้องสาวที่บ้าน แล้วยังต้องไปคอยเฝ้าหลานชายที่โรงพยาบาล บอกว่า ตั้งแต่เกิดเหตุทางผู้ขับรถยนต์ไม่เคยมาเยี่ยมแม้แต่ครั้งเดียว สงสารน้องสาว และหลานชายที่ประสบเคราะห์กรรม จึงอยากให้ทางผู้สื่อข่าวช่วยเหลือเป็นสื่อกลางติดตามเรื่อง เพราะว่าคนจนๆหาเช้ากินค่ำคงไม่มีปัญญาไปสู้รบปรบมือกับเค้าได้ ขอเพียงมาดูกันบ้างไม่ใช่ไม่มาแล้วยังบอกว่าตัวเองไม่ผิด ซึ่งตนเกรงว่า คดีจะจบแบบที่เค้าพูด ทุกวันนี้ ครอบครัวของน้องสาว และคนอื่นๆก็ยากจนหาเช้ากินค่ำหามาได้ก็ต้องเจียดเงินส่วนหนึ่งมาใช้กับน้องสาว และหลานขาย หากท่านใดมีเมตตาสงสารจะช่วยเหลือสามารถส่งเข้าบัญชีน้องสาว นางสาว วิไลวรรณ พูลศรี ธนาคารกสิกรไทย หมายเลขบัญชี 045 – 3 – 61328 – 3
ต่อมา นายชัยกฤษ พยัคฆ์ นายอำเภอศรีมหาโพธิ ได้รับรายงาน จากกรณี นางวิไลวรรณ พูนศรี อายุ 53 ปี เกิดอุบัติเหตุล้มกระแทกพื้นจนทำให้ป่วยติดเตียงมา 3 ปี โดยมี น.ส.พะเยาว์ พูนศรี (พี่สาว) กับลูกชายของผู้ป่วยผลัดกันดูแลกันมาตลอด จนกระทั่งต้นเดือน มิ.ย. 66 ลูกชายได้ประสบอุบัติเหตุมีอาการสาหัสเป็นจ้าชายนิทรา ยังคงรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลห้องICU.
นายชัยกฤษ พยัคฆ์ นายอำเภอศรีมหาโพธิ พร้อมปลัดอาวุโส พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง จึงได้เดินทางไปเยี่ยมพร้อมสิ่งของเครื่องใช้เพื่อให้กำลังใจกับ นางวิไลวรรณ พูนศรี ผู้ป่วยติดเตียงและ น.ส.พะเยาว์ พูนศรี (พี่สาว) ที่ต้องรับภาระไว้คนเดียวทั้งหมด พร้อมบอกว่า ทางอำเภอได้มีการดูแลผู้ป่วยคนนี้เป็นอย่างดี ตั้งแต่ รพ.สต.เอาเตียงมาให้ ที่นอนก็มูลนิธิส่งเสริมสุขภาพอำเภอศรีมหาโพธิ และ อบต.ร่วมกันเข้ามาดูแล เหตุที่เกิดเดิมตอนเช้าคุณป้าเป็นผู้ดูแล ตอนกลางคืนจะเป็นลูกชายเข้ามาดูแล วันนี้ลูกชายเกิดอุบัติเหตุแล้วการดูแลในช่วงกลางคืนก็เลยไม่มีคนดูแล คุณป้าต้องดูแลผู้ป่วยถึง 2 คน ต้องไปเฝ้าไข้ที่โรงพยาบาลศรีมหาโพธิ คุณป้าต้องดูแลผู้ป่วยถึง 2 คน ในขณะนี้ ทาง รพ.สต.มูลนิธิส่งเสริมสุขภาพให้การดูแลระบบความดัน ชีพจร สำหรับผู้ป่วยยังไม่มีแผลกดทับ ก็มีการประสานงานกันโดยตลอด