ประจวบคีรีขันธ์-ชาวบ้านชุมชนป่าสน แม่รำพีง วอนภาครัฐช่วยเหลือ หลังถูกเจ้าท่าฯฟ้องขับไล่ที่..!!
ภาพ-ข่าว:พิสิษฐ์ รื่นเกษม
เมื่อช่วงสายวันที่ 27 ก.ค. 2566 น.ส.สุกัญญา สุขสวัสดิ์ อาบุ 48 ปี ชาวบ้านชุมชนป่าสน ม.2 ต.แม่รำพึง อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ พร้อมด้วยตัวแทนชาวบ้านชุมชนป่าสน หลายสิบคน เดินทางไปยังที่ว่าการอำเภอบางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เพื่อขอเข้าพบนายเลิศยศ แย้มพราย นายอำเภอบางสะพาน เพื่อขอความช่วยเหลือหลังจากถูกกรมเจีาท่าฯ ยื่นดำเนินคดีฟ้องขับไล่กรณีสร้างบ้านเรือนบุกรุกที่สาธารณะประโยชน์ของเจ้าท่าฯ แต่เจ้าหน้าที่ฯได้แจ้งกับชาวบ้านว่า นายเลิศยศ ติดราชการด่วนอยู่ที่ศาลากลางจังหวัด ชาวบ้านจึงแยกย้ายกันเดินทางกลับ และนัดกันมาใหม่ในสัปดาห์หน้า
น.ส.สุกัญญา เปิดเผยว่า ชาวบ้านชุมชนป่าสน แม่รำพึง ได้ปลูกสร้างบ้านเรือน อาศัยอยู่ในที่ดิน ที่เป็นข้อพิพาท มานานกว่า 30 ปี บางคนเกิดและโตอยู่ที่นี่ ประกอบอาชีพประมงหาเลี้ยงชีพ ซึ่งชางบ้านในชุมชนมีทั้งสิ้น 28 ครัวเรือนอาศัยอยู่รวมกันนับร้อยชีวิต ซึ่งแต่เดิมเมื่อประมาณ 30 ปีก่อนตอนชาวบ้านเข้ามาอาศียอยู่ ยังไม่มีเจ้าของที่ หรือหน่วยงานใด มาชี้ชัดว่าเป็นผู้ครอบครอง ดูแลเป็นเจ้าของ เราก็แค่มาปลูกบ้านเรือนอยู่อาศัยอยู ทำกินกันมาเรื่อย กระทั่งประมาณปี พ.ศ.2555 ได้มีหนังสือจากสำนักงานเจ้าท่าฯให้ริ้อถอนสิ่งปลูกสร้างและย้ายออกไปจากพื้นที่ เราก็พยายามขอความช่วยเหลือ จากหน่วยงานรัฐต่างๆ เพื่อขอความเมตตา กระทั่งล่าสุด ชาวบ้านทั้ง 28 ครอบตรัว ถูกยื่นฟ้องต่อศาลจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ในข้อ หาปลูกสร้างอาคารล่วงล้ำเข้าไปบนชายหาดของทะเลอ่าวไทย โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าท่า ซึ่งเจ้าท่าฯมีคำสั่งให้รื้อถอนอาคารและสื่งปลูกสร้างออกจากพื้นที่ดังกล่าว ตั้งแต่ประมาณช่วงเดือนกรารม พ.ศ.2565 แต่ชาวบ้านไม่ปฎิบัติตาม
ทางสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาประจวบคีรีขันธ์ จึงได้ฟ้องร้องดำเนินคดีฯ ซึ่งในปัจจุบัน คดีฯดังกล่าวยังไม่มีการพิจารณา ยังอยู่ในกระบวนการยุติธรรท จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยเจรจาให้ชาวบ้านได้อาศํยอยู่ในพื้นที่ต่อไป หรือหากต้องรื้อถอนบ้านเรือนทั้งหมเจริงๆก็อยากให้หน่วยงานรัฐช่วยจัดสรรพื้นที่ให้สำหรับปลูกสร้างบ้ายเรือนต่อไป หากไม่ได้รับการช่วยเหลือ ชาวบ้านนับร้อยชีวิตที่มีทััง ลูกเด็ก เล็กแดง และคนชรา จะกลายเป็นคนไร้บ้านทันที
นายเลิศยศ แย้มพราย นายอำเภอบางสะพาน ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า สำหรับเรื่องดังกล่าวที่เกิดขึ้นทางอำเภอและทางจังหวัดได้รับทราบปัญหาแล้ว ซึ่งต้องเเบ่งออกเป็น 2 กรณี คือ 1 ในเรื่องของการฟ้องร้องขับไล่ เป็นเรื่องระหว่างเจ้าท่าฯ กับชาวบ้าน ทางอำเภอไม่สามารถเข้าไปก้าวก่ายเรื่องด้งกล่าวได้ และ 2 ในส่วนของความช่วยเหลือชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบ โดยทางจังหวัดไม่ได้นิ่งนอนใจ มีการลงพื้นที่ฯ เพื่อประชุมพูดคุยกับชาวบ้าน และได้มีการประชุมในระดับจังหวัดมีการสอบถามไปยังหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็น ป่าไม้ สปก. ที่ดืนธนารักษ์ ไม่มีพื้นที่ ที่จะนำมาจัดสรรให้ชาวบ้านได้และได้มีการชี้แจงให้ชาวบ้านรับทราบ และได้มีการประชุมในระดับจังหวัดอีกครั้งเพื่อหาทางออกโดยได้ขัอสรุปว่าจะมีการตั้งคณะทำงานเพื่อพิจารณาเรื่องดังกล่าวโดยใช้กลไกของกองทุน คล้ายๆกับที่อำเภอหัวหินและนำมาเสนอกับชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบว่าเห็นด้วยกับแนวทางดังกล่าวหรือไม่ต่อไป ซึ่งทางจังหวัดกำลังดำเนินการอยู่