ปทุมธานี-ตำรวจไซเบอร์ ตามรวบอีกหนึ่งในขบวนการบัญชีม้า”ตุ๋นนักข่าวสาว”
ภาพ-ข่าว:อริย์ธัช พรอัศวโยธิน
กองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1 จับกุมหนึ่งในขบวนการแก๊งหลอกติดตั้งแอพดูดเงิน ทำนักข่าวสาวสูญเงินล้าน
สืบเนื่องจากเมื่อเดือนสิงหาคม 2566 ที่ผ่านมา ผู้ประกาศข่าวสาว ประวีณมัย บ่ายคล้อย ถูกเครือข่ายคอลเซ็นเตอร์หลอกติดตั้งแอปพลิเคชันกรมที่ดิน อ้างติดต่อเรื่องเสียภาษีที่ดินประจำปี รู้ตัวอีกทีพบมีการทำธุรกรรมการเงินถูกถอนออกจากแอปฯ โมบายแบงกิ้ง กว่า 1 ล้านบาท ใน 3 บัญชี จากการสืบสวนสอบสวนพบว่า มีผู้กระทำความผิดจำนวน 5 ราย มีพฤติการณ์ร่วมกันเปิดบัญชีม้าและมีส่วนร่วมในการเข้าถึงระบบข้อมูลคอมพิวเตอร์ เพื่อนำข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับผู้เสียหาย ไปดำเนินการหลอกลวงให้ผู้เสียหายหลงเชื่อ ต่อมาเมื่อ 9 กันยา ยน 2566 ศาลอนุมัติหมายจับผู้ต้องหาทั้ง 5 ราย เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถติดตามจับกุมผู้ต้องหาได้แล้ว 4 ราย และได้มีการซัดทอดว่ามีนายหน้าชายไทย ลักลอบพาผู้ต้องหากลุ่มนี้ข้ามชายแดนเพื่อไปเปิดบัญชีและสแกนใบหน้า ชัดเจนว่ามีเจตนาร่วมกันกระทำความผิดและเป็นหนึ่งในขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์
ต่อมาวันที่ 18 กันยายน 2566 พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง ผบก.สอท.1 พ.ต.อ.ทำนุรัฐ คงมั่น รอง ผบก.สอท.1 พร้อมกำลังฝ่ายสืบสวน กก.4 บก.สอท.1 นำกำลังเข้าจับกุมตัว น.ส.ลัดดาวัลย์ (สงวนนามสกุล) อายุ 35 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับรายสุดท้ายของแก๊งนี้ ได้ที่ บริเวณหอพักคุณพระแมนชั่น ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ในความผิดฐาน “ลักทรัพย์โดยร่วมกันกระทำความผิดตั้งแต่สองคนขึ้นไป, ร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์ อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน, ร่วมกันเข้าถึงโดยมิชอบซึ่งระบบและข้อมูลคอมพิวเตอร์ซึ่งมีมาตรการการเข้าถึงโดยเฉพาะและมาตร การนั้นมิได้มีไว้สำหรับตน และ เป็นผู้เปิดหรือยินยอมให้ผู้อื่นใช้บัญชีเงินฝากบัตรอิเล็กทรอนิกส์หรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ของตน โดยไม่ได้มีเจตนาใช้เพื่อตนหรือกิจการที่ตนเกี่ยวข้องโดยประการที่รู้หรือควรจะรู้ว่าจะนำไปใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีหรือความผิดอาญาอื่น” จับกุมตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดี และจะเร่งรัดสืบสวนสอบสวนไปถึงกลุ่มนายทุนที่อยู่เบื้องหลังต่อไป
พล.ต.ต.ชัชปัณฑกานต์ฯ ผบก.สอท.1 ได้ฝากเตือนไปยังพี่น้องประชาชนว่าอย่าได้หลงเชื่อหรือตกเป็นเหยื่อ โดยปัจจุบันมิจฉาชีพปรับรูปแบบมาใช้แอพพลิเคชั่นเพื่อปลอมเป็นระบบของราชการ รวมทั้งมีวิธีการหาข้อมูลของผู้เสียหายมาใช้หลอกลวง จนทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อได้ ดังนั้นประชาชนจึงต้องระมัดระวัง ไม่เชื่อ ไม่รีบ ไม่โอน หากมีข้อสงสัยสามารถปรึกษาสอบถาม สายด่วน ตำรวจไซเบอร์ 1441 ได้ทันที