ประจวบคีรีขันธ์-ตำรวจชุมพรรวบตัวแล้วหัวขโมยก่อเหตุงัดตู้บริจาคบนยอดเขาช่องกระจก หลังก่อเหตุซ้ำลักทรัพย์ในพื้นที่ชุมพร

ประจวบคีรีขันธ์-ตำรวจชุมพรรวบตัวแล้วหัวขโมยก่อเหตุงัดตู้บริจาคบนยอดเขาช่องกระจก หลังก่อเหตุซ้ำลักทรัพย์ในพื้นที่ชุมพร

ภาพ-ข่าว:เอกภพ วงษ์ประเสริฐ

               วันที่ 4 พฤศจิกายน 66 ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณี มีหัวขโมยปีนบันได 396 ขั้น ขึ้นไปงัดตู้เงินรับบริจาคภายในวิหาร พระพุทธมงคลคีรีขันธ์ พระประจำจังหวัด บนยอดเขาช่องกระจก ซึ่งอยู่ติดกับศาลากลางจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ โดยหัวขโมยได้มีการใช้เหล็กคล้องประตูขังพระผู้ดูแลไว้ภายในอาคาร เพื่อไม่ให้ออกมาขัดจังหวะในระหว่างก่อเหตุ โดยเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อช่วงกลางดึกของวันที่ 15 ส.ค.66 ที่ผ่านมา
               ความคืบหน้าล่าสุด พ.ต.อ.ไพทูล พรมเขียน ผกก.สภ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ ได้มอบหมายให้ พ.ต.ท.ชุมพล บางจันทร์ทึก รองผู้กำกับปราบปราม สภ.เมืองประจวบฯ ติดตามความคืบหน้าของคดี จากการตรวจสอบพบว่าผู้ต้องสงสัยที่ก่อเหตุงัดตู้บริจาคลักทรัพย์บนยอดเขาช่องกระจก ซึ่งเป็นบุคคลเดียวกันกับที่ปรากฏในภาพกล้องวงจรปิดบริเวณปั๊มน้ำมัน ปตท.ใกล้เขาช่องกระจก และกล้องวงจรปิดของโรงพยาบาลประจวบฯ หลังจากที่คนร้ายไปก่อเหตุพยายามลักทรัพย์ในตู้บริจาคของทางโรงพยาบาลขณะเยี่ยมญาติ โดยในขณะนี้ได้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สวี จ.ชุมพร จับกุมตัวดำเนินคดีในข้อหาลักทรัพย์ในพื้นที่จังหวัดชุมพร และ ข้อหา พรบ. ยาเสพติด บริเวณศาลารอรถริมถนนสาย 41 ตำบลวิสัยใต้ อำเภอสวี จังหวัดชุมพร แล้ว เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 66 ที่ผ่านมา ทราบชื่อ นายทนงศักดิ์ หรือนายแบงค์ (สงวนนามสกุล) อายุ 23 ปี
                 พ.ต.ท.ชุมพล บางจันทร์ทึก รองผู้กำกับปราบปราม สภ.เมืองประจวบฯ เปิดเผยว่า หลังจากที่คนร้ายซึ่งเป็นผู้ต้องสงสัยรายนี้ได้พยายามก่อเหตุลักทรัพย์ภายในโรงพยาบาลประจวบคีรีขันธ์ แต่ไม่สำเร็จ จากนั้นในวันเดียวกันได้ปีนขึ้นไปบนยอดเขาช่องกระจก และก่อเหตุงัดตู้บริจาคลักทรัพย์ และขังพระไว้ในอาคาร หลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งได้พยายามแกะรอยติดตามหาตัวคนร้ายที่ก่อเหตุ และเก็บรวบรวมพยานหลักฐาน รวมถึงรอยนิ้วมือแฝงในที่เกิดเหตุ เพื่อใช้เทียบเคียงกับคนร้าย แต่ก็ติดตามหาตัวไม่พบ โดยพนักงานสอบสวน สภ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ ได้รวบรวมพยานหลักฐานไปขอหมายจับจากศาลแต่ศาลได้ยกคำร้องไม่อนุมัติหมายจับให้ โดยทางศาลแจ้งว่าพยานหลักฐานไม่เพียงพอไม่มีประจักษ์พยานประกอบกับไม่มีลายพิมพ์นิ้วมือของผู้ต้องสงสัยไปเทียบเคียงกับลายนิ้วมือแฝงที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเก็บไว้เป็นหลักฐาน โดยในขณะนี้ผู้ต้องสงสัยรายดังกล่าวได้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สวี จังหวัดชุมพร จับกุมตัวได้แล้วหลั่งจากไปก่อเหตุซ้ำลักทรัพย์ในพื้นที่จังหวัดชุมพร โดยหลังจากนี้ตำรวจจะได้นำลายนิ้วมือแฝงที่เก็บไว้เป็นหลักฐานไปเทียบเคียงกับตัวผู้ต้องสงสัยที่ถูกจับได้ว่าลายนิ้วมือตรงกันหรือไม่ และถ้าหากตรงกัน หลังจากนั้นก็จะไปขอหมายศาลอนุมัติหมายจับอายัดตัวแจ้งข้อหามาดำเนินคดีที่ สภ.เมืองประจวบฯได้ต่อไป

CATEGORIES
Share This

COMMENTS

error: Content is protected !!