เชียงใหม่-ปฏิบัติการ “ป่าช้าแตก” จับผับเถื่อนคืนฮาโลวีน ย่านช้างเผือก..!!
ภาพ-ข่าว:ศูนย์ข่าวจังหวัดเชียงใหม่
กรมการปกครองร่วมกับฝ่ายปกครองจังหวัดเชียงใหม่ ออกปฏิบัติการ “ป่าช้าแตก” Kick Off จัดระเบียบสังคมตามนโยบายรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย บุกจับ “เลอเนิร์ฟผับ” ย่านช้างเผือก ในคืนฮาโลวีน พบเป็นผับเถื่อน เจอนักเที่ยววัยเด็กเพียบ
เมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมา (1 พ.ย. 66) เวลา 00.30 น. นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วย นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ อธิบดีกรมการปกครอง สั่งการชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครอง นำโดย นายรณรงค์ ทิพย์ศิริ ผู้ตรวจราชการกรมการปกครอง ปฏิบัติหน้าที่ ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการบังคับใช้กฎหมายพนักงานฝ่ายปกครอง สำนักการสอบสวนและนิติการ กรมการปกครอง พร้อมสมาชิกกองอาสารักษาดินแดน กองบัญชาการกองอาสารักษาดินแดน กว่า 30 นาย บูรณาการร่วมกับฝ่ายปกครองจังหวัดเชียงใหม่ นำโดย นายอรรถวุฒิ พึ่งเนียม ปลัดจังหวัดเชียงใหม่ , นายสิทธิศักดิ์ อภิกุลชัยสุทธิ์ นายอำเภอเมืองเชียงใหม่ และ นายดนัย สุขสกุล ป้องกันจังหวัดเชียงใหม่ นำกำลังเข้าจับกุมสถานบริการเถื่อนในคืนเทศกาลฮาโลวีน ในผับย่านช้างเผือก อำเภอเมืองเชียงใหม่ ชื่อ“เลอ เนิร์ฟ ผับ” ซึ่งตรวจพบว่าเป็นผับเถื่อน ไม่มีใบอนุญาตตั้งสถานบริการ และเป็นที่รู้จักกันดีในหมู่นักเที่ยวว่าเป็นผับที่เน้นเด็กวัยนักเรียนและนักศึกษา โดยใช้บ้านไม้สองชั้นดัดแปลงเป็นผับเปิดให้บริการโดยไม่ได้รับอนุญาต นักเที่ยวเบียดเสียดยัดเยียดเพดานต่ำ ไร้ทางหนีไฟ และมีการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เกินเวลาที่กฎหมายกำหนด ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้กับเด็ก และปล่อยปละละเลยให้เด็กเข้าใช้บริการจำนวนมาก ซึ่งจากการเข้าตรวจสอบพบนักเที่ยววัยนักเรียนนักศึกษา อายุต่ำกว่า 20 ปี มากถึง 242 คน
โดยปฏิบัติการดังกล่าว เริ่มต้นจาก การที่กระทรวงมหาดไทย โดย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย มีนโยบายให้ฝ่ายปกครองทั่วประเทศ จัดตั้งชุดปฏิบัติการพิเศษเพื่อกวดขันปราบปรามผู้มีอิทธิพล การจัดระเบียบสังคม ยาเสพติด การค้ามนุษย์ การพนัน และอาวุธปืน โดยให้ฝ่ายปกครองทั่วประเทศเริ่ม Kick off ในวันที่ 1 พ.ย. 2566 ทางจังหวัดเชียงใหม่ จึงได้ประสานกับชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครอง วางแผนเข้าร่วมจับกุม “ร้านเลอ เนิฟ” หรือ “NEUFXBAR” ซึ่งมีข่าวสารการร้องเรียนจากประชาชนผู้อาศัยใกล้เคียง ว่าเปิดให้บริการในลักษณะเป็นสถานบริการมีอาหารเครื่องดื่มจำหน่าย ปล่อยปละละเลยให้มีเด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี เข้าไปใช้บริการจำนวนมาก อีกทั้ง ยังเปิดให้บริการจนถึงเวลา 02.00 น. ส่งเสียงดังรบกวนชาวบ้านข้างเคียง
ด้านพนักงานฝ่ายปกครองเข้าสืบสวนข้อเท็จจริง พบว่า มีการกระทำผิดจริงตามข้อร้องเรียน กระทั่งเวลา 00.30 น. ของวันที่ 1 พ.ย. 2566 ได้เปิดปฏิบัติการ ”ป่าช้าแตก” บุกจู่โจมสถานบันเทิงละเมิดกฎหมายทันที เมื่อชุดจับกุมเข้าไปถึงภายในผับพบเป็นห้องปิดทึบ เปิดเพลงเสียงดังสนั่น แสงไฟเลเซอร์วิบวับ พบนักเที่ยวจำนวนมากกำลังมั่วสุมดื่มกินเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เต้นตามจังหวะเสียงดนตรีอย่างเมามันส์ และนักเที่ยวกว่า 90% ของร้าน เป็นเยาวชน พนักงานฝ่ายปกครองจึงสั่งให้ปิดเพลงและเปิดไฟให้แสงสว่าง ภายในผับได้เกิดความโกลาหล นักเที่ยวเด็กต่างตกใจ และพยายามหลบหนีออกทางประตูหน้าร้านและหลังร้าน แต่ชุดจับกุมได้ปิดล้อมประตูไว้ทุกด้าน จึงทำให้นักเที่ยวไม่สามารถหนีออกไปได้
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบ พบนักเที่ยวและผู้ใช้บริการส่วนใหญ่เป็นเด็กวัยนักเรียนนักศึกษา อายุระหว่าง 17 ปี ถึง 19 ปี ส่วนใหญ่ยังศึกษาอยู่ในสถานศึกษาในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ โดยในส่วนของเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี พนักงานฝ่ายปกครอง ได้ประสานให้ทางสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดเชียงใหม่ รับตัวเด็กไปคุ้มครองสวัสดิภาพ และดำเนินการจัดทำประวัติ และแจ้งให้ผู้ปกครองมารับตัวไป
สำหรับการดำเนินการทางกฎหมาย เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อกล่าวหาแก่ผู้ดูแลร้าน ทั้งหมด 7 ข้อหา คือ ตั้งสถานบริการโดยไม่ได้รับอนุญาต, จำหน่ายสุราให้กับเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี, จำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอ ฮอล์ให้กับผู้มีอายุต่ำกว่า 20 ปี, จำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เกินกว่าเวลาที่กฎหมายกำหนด, ยุยงส่งเสริมให้เด็กประพฤติตนไม่สมควร, โฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือแสดงชื่อหรือเครื่องหมายของเครื่องดื่มแอลกอ ฮอล์อันเป็นการอวดอ้างสรรพคุณหรือชักจูงใจให้ผู้อื่นดื่มโดยตรงหรือโดยอ้อม และดัดแปลงอาคารโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานท้องถิ่น
นอกจากนี้ ยังเป็นการฝ่าฝืนคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 22/2558 เรื่อง มาตรการในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการแข่งรถยนต์และรถจักรยานยนต์ในทางและการควบคุมสถานบริการหรือสถานประกอบการที่เปิดให้บริการในลักษณะที่คล้ายกับสถานบริการ ข้อ 4 (1)-(4) ทั้งนี้ เจ้าพนักงานฝ่ายปกครองชุดจับกุม จะได้เสนอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ออกคำสั่งปิดสถานที่ดังกล่าว เป็นเวลา 5 ปี ต่อไป ในส่วนของการดัดแปลงอาคาร โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานท้องถิ่น นั้นทางจังหวัดเชียงใหม่ จะได้ประสานกับเทศบาลนครเชียงใหม่ เพื่อออกคำสั่ง ระงับการใช้อาคารดังกล่าวต่อไป