ศรีสะเกษ-รมว.คมนาคมเผยทุ่มงบประมาณ 727 ล้านบาทพัฒนาอ่างเก็บน้ำห้วยตามาย พร้อมขยายถนน 4 เลน
ภาพ-ข่าว: ศิริเกษ หมายสุข
ประกาศกร้าว…!! สั่งจับรถบรรทุกน้ำหนักเกินทำถนนพังเสียหาย พร้อมจะสร้างถนนสายบ้านเจี่ยบ้านหมัด ต.ทาม อ.กันทรารมย์ให้เสร็จภายใน 1 ปี เผยสภาพถนนสายนี้โลกพระจันทร์ยังไม่ขรุขระเท่านี้เนื่องจากเป็นเส้นทางขนทราย ซึ่งมีรถบรรทุกของผู้ประกอบการวิ่งทั้งวัน ทั้งรถ 10 ล้อพ่วงและไม่พ่วง วิ่งตั้งแต่เวลา 04.00 น.ถึงเวลา 21.00 น.มาตลอด ประมาณ 5 ปีแล้ว ทำให้ผิวถนนแตกและทรุดตัว
เมื่อวันที่ 5 พ.ย.2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณอ่างเก็บน้ำห้วยตามาย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.กระทรวงคมนาคม พร้อมด้วย นางมนพร เจริญศรี รมช.กระทรวงคมนาคม และนายวิวัฒน์ชัย โหตระไวศยะ ผช.รมต.ประจำกระทรวงคมนาคม ได้นำคณะผู้บริหารระดับสูงสังกัดกระทรวงคมนาคมและส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ได้เดินทางไปตรวจราชการโครงการขยายสี่ช่องจราจรทางหลวงหมายเลข 221 อ.พยุห์ – อ.ศรีรัตนะ – บรรจบทางหลวงหมายเลข 24 (ตอน 2 และตอน 3) เพื่อติดตามความคืบหน้าและรับฟังการบรรยายสรุปผลการดำเนินงานโครงการสำคัญของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคม และรับฟังปัญหาด้านโครงสร้างพื้นฐาน ความเดือดร้อนของประชาชนและความต้องการขอความช่วยเหลือจากรัฐบาล ซึ่งตัวแทนของผู้นำท้องถิ่นได้นำเสนอของบประมาณในการแก้ไขปัญหาเรื่องขาดแคลนแหล่งน้ำในหน้าแล้ง โดยมีคณะ ส.ส.พรรคเพื่อไทยประกอบด้วย นายธเนศ เครือรัตน์ ส.ส.ศรีสะเกษ เขต 1 นายสุรชาติ ชาญประดิษฐ์ ส.ส.ศรีสะเกษ เขต 2 นพ.ภูมินทร์ ลีธีระประเสริฐ ส.ส.ศรีสะเกษ เขต 4 นายอมรเทพ สมหมาย ส.ส.ศรีสะเกษ เขต 5 นายวีระพล จิตสัมฤทธิ์ ส.ส.ศรีสะเกษ เขต 6 ดร.วิลดา อินฉัตร ส.ส.ศรีสะเกษ เขต 7 นางนุชนาถ จารุวงษ์เสถียร ส.ส.ศรีสะเกษ เขต 9 นายประวิทย์ จารุรัชกุล อดีตผู้สมัคร ส.ส.ศรีสะเกษ เขต 8 พรรคเพื่อไทย นายสุกิจ เหลืองสกุลไทย นายอำเภอกันทรลักษ์ นายสุรพล ศรีพนมธนากร นายอำเภอศรีรัตนะ พร้อมด้วย คณะหัวหน้าส่วนราชการสังกัดกระทรวงคมนาคม และส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ผู้นำท้องถิ่น ประชาชนมาให้การต้อนรับ
นายวิวัฒน์ชัย โหตระไวศยะ ผช.รมต.ประจำกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า ตนได้นำเสนอนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายก รมต.และนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.กระทรวงคมนาคม ถึงปัญหาความเดือดร้อนและความต้องการของประชาชนชาวศรีสะเกษไปแล้ว ปัญหาแรกก็คือปัญหาแหล่งน้ำตรงนี้เป็นอ่างเก็บน้ำห้วยตามายซึ่งสร้างขึ้นเมื่อปี 2512 เมื่อสร้างเสร็จสามารถเก็บกักน้ำได้ 37 ล้านลูกบาศก์เมตร เป็นแหล่งน้ำที่ส่งน้ำ 2 ระบบคือระบบข้างบน 2 ทางและระบบข้างล่าง 2 ทางโดยมีถนนสาย 221 ขวางกั้นอยู่ แต่บังเอิญว่ามีปัญหาก็คือช่วงหน้าแล้งอีกฝั่งนึงน้ำจะแห้ง น้ำจะมีอยู่ที่ต้นสันดินของอ่างเก็บน้ำตอนนี้ตื้นเขินเนื่องจากว่าตกตะกอนกันมานานขาดการดูแลรักษาฟื้นฟู ตนจึงได้นำเรื่องนี้ประสานกับทางท่านรองนายกรัฐมนตรี ท่านสมศักดิ์ เทพสุทินซึ่งได้ทำการสรุปที่แขวงการทางที่ 1 เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2566 ที่ผ่านมาก็ได้รับคำตอบจากทางกรมชลประทานและจากรองนายกฯแล้วว่า จะจัดสรรงบประมาณมาให้เพื่อใช้เพื่อการนี้จำนวน 727 ล้านบาทเพื่อบูรณะฟื้นฟูแหล่งน้ำแห่งนี้ให้แล้วเสร็จรอแผนการจากกรมชลประทานก่อน ถึงแม้ว่ารองนายกฯไม่ได้มาก็ขอให้ทุกท่านได้ตบมือเป็นกำลังใจเพื่อส่งไปยังท่านรองนายกรัฐมนตรีสมศักดิ์เทพสุทิน โดยผ่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ท่านสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจและขอให้ท่าน ดร.มนพร เจริญศรี รมช.กระทรวงคมนาคมได้ช่วยผลักดันอีกด้านหนึ่งด้วย ซึ่งเรารอคอยมานานแล้ว
นายวิวัฒน์ชัย โหตระไวศยะ ผช.รมต.ประจำกระทรวงคมนาคม กล่าวต่อไปว่า อ่างเก็บน้ำตัวนี้จะเป็นหัวใจสำคัญของพี่น้องทั้ง 5 อำเภอและเป็นหัวใจสำคัญของพี่น้องเกษตรกรที่ปลูกทุเรียนภูเขาไฟ ซึ่งหากว่าได้งบประมาณตัวนี้มาแล้วปริมาณเก็บกักน้ำของอ่างเก็บน้ำห้วยตามายจะได้เพิ่มขึ้นมาอีกจำนวนประมาณ 17,000,000 ลูกบาศก์เมตรรวมกับของเดิม 37,000,000 ลูกบาศก์เมตรก็จะทำให้เพียงพอหล่อเลี้ยงให้กับพี่น้องเกษตรกรได้และจะเป็นการยกฐานะให้กับพี่น้องประชาชนให้อยู่ดีกินดีให้กินอิ่มนอนอุ่นและต่อไปในอนาคตข้างหน้าก็จะเป็นแหล่งท่องเที่ยวซึ่งจะรองรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาจากทั่วประเทศที่จะมาชมและชิมทุเรียนภูเขาไฟและในโอกาสในอีกไม่กี่ปีข้างหน้านั้นก็จะคงมีการเปิดพรมแดนระหว่างปราสาทพระวิหารกับทางประเทศไทย จะทำให้มีอาชีพใหม่ใหม่เกิดขึ้นมาอีก นี่คือเรื่องแหล่งน้ำที่เลือกสถานที่แห่งนี้ ต่อมาเรื่องที่ 2 ก็คือเป็นเรื่องสำคัญก็คือเมื่อเราได้แหล่งน้ำที่เพียงพอแล้วเหลือถนนซึ่งถนนเส้นนี้พี่น้องประชาชน อ.กันทรลักษ์และอำเภอใกล้เคียงอีกหลายอำเภอต้องใช้เป็นเส้นทางหลักในการสัญจรไปมาในการลำเลียงส่งสินค้าทางการเกษตร ออกสู่ท้องตลาดและได้เกิดอุบัติเหตุเป็นประจำ เพราะฉะนั้น เรารอมานานว่าถนนสาย 221 จาก อ.พยุห์มาถึง อ.ศรีรัตนะในตอนที่ 2 จาก อ.ศรีรัตนะมาถึงเชื่อมถนนทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 24 นั้นคงจะได้ในเร็ววันนี้ในรัฐบาลชุดนี้
นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.กระทรวงคมนาคม กล่าวว่า ตนได้ให้นโยบายกับอธิบดีกรมทางหลวงไปแล้ว ว่าจะต้องมีการขยายเป็นถนน 4 เส้นทางจราจร ซึ่งงบประมาณนั้นจะได้ผลักดันและเชื่อมั่นว่าคงจะผ่านการพิจารณาของสำนักงบประมาณไปได้ เพราะถนนสายนี้เป็นถนนสายหลักเป็นสายยุทธศาสตร์เชื่อมโยงกับแหล่งท่องเที่ยวและเรื่องการขนส่งสินค้าและเรื่องความปลอดภัยของพี่น้องประชาชน เกี่ยวกับการพัฒนาอ่างเก็บน้ำห้วยตามายนั้น เรื่องนี้ก่อนที่จะเดินทางมาที่ จ.ศรีสะเกษตนก็ได้คุยกับท่านรองนายกรัฐมนตรี นายสมศักดิ์ เทพสุทินแล้ว ซึ่งท่านก็ได้มารับทราบปัญหาและความสำคัญของแหล่งน้ำตรงนี้ ท่านก็พยายามที่จะสั่งงบประมาณดำเนินการเพื่อให้สามารถดำเนินการแหล่งน้ำของตรงนี้ให้มีความอุดมสมบูรณ์ขึ้นมาให้เหมือนเดิมให้ได้ ซึ่งในนามรัฐบาล ตนขอฝากถึงพี่น้องประชาชนชาวศรีสะเกษว่า ท่านนายกรัฐมนตรีท่านเศรษฐา ทวีสิน ท่านต้องการที่จะดูแลพี่น้องประชาชนโดยเฉพาะในส่วนต่างๆทั่วประเทศและในส่วนของจ.ศรีสะเกษก็เป็นจังหวัดที่มีศักยภาพมีพี่น้องประชาชนจำนวนมากพอสมควร เพราะฉะนั้นจังหวัดนี้ก็เป็นจังหวัดที่ท่านห่วงใยเป็นพิเศษ
รมว.คมนาคมสั่งจับรถบรรทุกน้ำหนักเกินทำถนนพังเสียหาย ประกาศจะสร้างถนนสายบ้านเจี่ยบ้านหมัด ต.ทาม อ.กันทรารมย์ให้เสร็จภายใน 1 ปี เผยสภาพถนนสายนี้โลกพระจันทร์ยังไม่ขรุขระเท่านี้เนื่องจากเป็นเส้นทางขนทราย ซึ่งมีรถบรรทุกของผู้ประกอบการวิ่งทั้งวัน ทั้งรถ 10 ล้อพ่วงและไม่พ่วง วิ่งตั้งแต่เวลา 04.00 น.ถึงเวลา 21.00 น.มาตลอด ประมาณ 5 ปีแล้ว ทำให้ผิวถนนแตกและทรุดตัว
ขณะเดียวกันผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณทางหลวงหมายเลข 2412 บ้านเจี่ย ต.ทาม อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.กระทรวงคมนาคม พร้อมด้วย นางมนพร เจริญศรี รมช. กระทรวงคมนาคมและนายวิวัฒน์ชัย โหตระไวศยะ ผช.รมต.ประจำกระทรวงคมนาคม ได้นำคณะผู้บริหารระดับสูงสังกัดกระทรวงคมนาคมและส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ได้เดินทางไปตรวจราชการโครงการบูรณะทางหลวงหมายเลข 2412 เพื่อรับฟังปัญหาด้านโครงสร้างพื้นฐาน ความเดือดร้อนของประชาชนและความต้องการขอความช่วยเหลือจากรัฐบาล ซึ่งปรากฏว่า ชาวบ้านเจี่ยและชาวบ้านหมัด ได้พากันชูป้ายมีข้อความว่า ชาวบ้านหมัดต้องการถนนลาดยาง อยากให้ท่านมาทำถนนให้เร็ว ๆ ด้วย พวกเราลำบากมานานแล้ว พวกเราต้องการเงินดิจิตอล 10,000 บาท ขณะที่ตัวแทนของผู้นำท้องถิ่นได้ยื่นหนังสือนำเสนอขอความช่วยเหลือเกี่ยวกับการก่อสร้างถนน และเรื่องการแก้ไขการขาดแคลนน้ำเพื่อการเกษตรและเพื่อการอุปโภคบริโภคในหน้าแล้ง ซึ่งขณะที่ นายสุริยะ กำลังเดินพบปะกับชาวบ้านอยู่นั้น ชาวบ้านได้ถามว่า หากทำถนนสาย 2412 เสร็จแล้ว ปล่อยให้รถบรรทุกทรายวิ่งผ่านถนนสายนี้เช่นเดิม ถนนก็ต้องพังเสียหายอีก ซึ่งนายสุริยะ บอกกับชาวบ้านว่า ได้สั่งการให้อธิบดีกรมทางหลวง ทำการจับกุมรถบรรทุกที่บรรทุกน้ำหนักเกินอย่างเข้มงวดแล้ว ทำให้ชาวบ้านพอใจมาก โดยมีคณะ ส.ส.พรรคเพื่อไทยประกอบด้วย นายธเนศ เครือรัตน์ ส.ส.ศรีสะเกษ เขต 1 นายสุรชาติ ชาญประดิษฐ์ ส.ส.ศรีสะเกษ เขต 2 นพ.ภูมินทร์ ลีธีระประเสริฐ ส.ส.ศรีสะเกษ เขต 4 นายอมรเทพ สมหมาย ส.ส.ศรีสะเกษ เขต 5 นายวีระพล จิตสัมฤทธิ์ ส.ส.ศรีสะเกษ เขต 6 ดร.วิลดา อินฉัตร ส.ส.ศรีสะเกษ เขต 7 นางนุชนาถ จารุวงษ์เสถียร ส.ส.ศรีสะเกษ เขต 9 พรรคเพื่อไทย พร้อมด้วย คณะหัวหน้าส่วนราชการระดับอำเภอ และข้าราชการสังกัดกระทรวงคมนาคม กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และประชาชนมาให้การต้อนรับจำนวนมาก
นายวัน ภาดี อดีตผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 3 ต.ทาม อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ กล่าวว่า ถนนหลวงหมายเลข 2412 คือ ถนนสายหลักของพี่น้องชาว ต.ทาม ที่เชื่อมต่อระหว่างหมู่บ้านเข้าสู่อำเภอ และเป็นเส้นทางหลักที่เกษตรกรนำผลผลิตด้านการเกษตรเข้าสู่ตลาดที่ อ.กันทรารมย์ ไม่ว่าจะเป็นเกษตรกรบ้านเจี่ย หมู่ 2, หมู่ 6 และหมู่ 10 บ้านหมัด หมู่ 3และหมู่ 10 ต.ทาม ซึ่งเคยเดินทางสะดวกปลอดภัยในการค้าขายหรือติดต่อราชการกับหน่วยงานราชการ ต่อมาในปี 2562 ก็มีการเปิดสัมปทานท่าเรือที่ลำน้ำชี ซึ่งผู้ประกอบการใช้ทางหลวงหมายเลข 2412 เป็นเส้นทางขนทราย ซึ่งมีรถบรรทุกของผู้ประกอบการวิ่งทั้งวัน ทั้งรถ 10 ล้อพ่วงและไม่พ่วง วิ่งตั้งแต่เวลา 04.00 น.ถึงเวลา 21.00 น.มาตลอด ประมาณ 5 ปีแล้ว ทำให้ผิวถนนแตกและทรุดตัวกลายเป็นหลุมลึกบ้าง ตื้นบ้าง หน้าฝนทำให้น้ำขัง สร้างความลำบากในการเดินทางของพี่น้องประชาชนเป็นจำนวนมาก เกี่ยวกับปัญหาสุขภาพร่างกายของพี่น้องประชาชนในชุมชน เมื่อเวลาเข้าสู่ฤดูแล้งก็มีปัญหามลพิษ เพราะถนนลาดยางกลายเป็นถนนหินคลุก ถนนเส้นนี้มีรถวิ่งผ่านทั้งวัน ไม่ว่าจะเป็นรถผู้ประกอบการท่าทรายและรถส่วนบุคคล เพราะถนนเส้นนี้สามารถเชื่อมกับ จ.อุบลราชธานี และมีฝุ่นคลุ้งอยู่ตลอดทั้งวัน สร้างความเดือดร้อนเรื่องมลพิษให้กับพี่น้องเป็นอันมาก บ้านเรือน 2 ฝั่งถนนฝุ่นจะเกาะเต็มตลอด จนบางคนบ่นจะย้ายบ้านหนีฝุ่น หนีมลพิษ และมาวันนี้พี่น้องชาว ต.ทาม เหมือนตื่นขึ้นมาพบกับแสงสว่างอันสดใสที่ท่านสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคม ท่านได้ให้ความกรุณาลงพื้นที่ดูความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนชาว ต.ทาม
นายสุรชาติ ชาญประดิษฐ์ ส.ส.ศรีสะเกษ เขต 2 กล่าวว่า ถนนสาย 2412 พื้นที่ ต.ทาม คือพื้นที่บ้านเจี่ยและบ้านหมัด ของ อ.กันทรารมย์ นั้นเป็นถนนของแขวงทางหลวงใหญ่ ซึ่งถนนสายนี้ชำรุดเสียหายเป็นอย่างมากประชาชนสัญจรไปมาด้วยความยากลำบาก เพราะว่ามีรถบรรทุกทรายวิ่งผ่านไปมาตลอดทั้งวันทั้งคืนและการสัญจรไปมานั้นเกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง ตนอยากจะนำเรียนว่า บางครั้งประชาชนในพื้นที่บ้านเจี่ยไม่สบาย ไปหาหมอ บางครั้งก็ต้องไปเสียชีวิตอยู่กลางทางเพราะว่าถนนชำรุดเป็นอย่างมาก ท่าน รมว.คมนาคมท่าน สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ท่านเป็นคนใจกว้างมักจะมาพบปะกับบรรดา ส.ส.เพื่อสอบถามปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนในเขตพื้นที่รับผิดชอบของ ส.ส.ทุกคนเป็นประจำอยู่เสมอ ตนจึงอยากให้พี่น้องประชาชนชาวศรีสะเกษ ได้มั่นใจว่า ท่าน สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.กระทรวงคมนาคมมาในวันนี้ก็อยากจะให้ท่าน รมว.กระทรวงคมนาคมยืนยันว่า เราจะได้ถนนสาย 2412 ในวันไหนในปีงบประมาณไหน
นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.กระทรวงคมนาคม กล่าวว่า สิ่งที่พี่น้องประชาชนชาวศรีสะเกษโดยเฉพาะอย่างยิ่งชาวบ้านเจี่ยและชาวบ้านหมัด ต.ทาม เรียกร้องและถ่ายรูปมาให้ตนดูนั้น ตนคิดว่าสภาพถนนสายนี้โลกพระจันทร์ยังไม่ขรุขระเท่านี้ แล้วถ้าตนมาเป็น รมว.คมนาคมสิ่งที่ท่าน ส.ส.สุรชาติ ชาญประดิษฐ์ เรียกร้องมาแค่นี้ทำไม่ได้ก็ไม่ควรเป็น รมว.คมนาคมอยู่อีกต่อไป ตนก็ถามว่าต้องการให้ตนทำถนนเสร็จเมื่อไหร่ ตนก็จะทำถนนให้เร็วที่สุด ส่วนเรื่องกรณีที่รถบรรทุกทรายทำให้ถนนพังเสียหายนั้น ก็เป็นเรื่องของอธิบดีกรมทางหลวง ต้องสั่งให้เจ้าหน้าที่ที่ประจำอยู่ในแขวงนี้ไปดูและบังคับใช้กฎหมายอย่างเด็ดขาดไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้อีกต่อไป ซึ่งถนนสายนี้ตนจะสั่งการให้สร้างให้เสร็จโดยด่วน โดยจะเริ่มทำการก่อสร้างถนนสายนี้ประมาณเดือน เมษายน 2567 ขณะนี้เราได้รับงบประมาณมาแล้ว ใช้เวลาประมาณ 1 ปีก็จะสามารถก่อสร้างถนนได้แล้วเสร็จ
นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.กระทรวงคมนาคม กล่าวต่อไปว่า ซึ่งเกี่ยวกับรถบรรทุกทรายที่เป็นปัญหาเรื้อรังทำให้ถนนสายนี้พังเสียหายนั้น ตนได้สั่งการให้อธิบดีกรมทางหลวงทำการจับกุมรถบรรทุกน้ำหนักเกินอย่างเข้มงวด ตนคิดว่าถ้ามีการบรรทุกน้ำหนักเกินและเรามีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด ถ้ารถบรรทุกได้บรรทุกตามน้ำหนักถนนที่สร้างขึ้นมาสำหรับรองรับน้ำหนักรถบรรทุกตัวนี้ได้ ก็ต้องให้โอกาสแก่ผู้ประกอบการเหมือนกันถ้าทำถูกกฎหมายไม่บรรทุกน้ำหนักเกินก็ต้องให้รถบรรทุกทรายวิ่งต่อไปได้