ตร.สอท.จับกุมขบวนการหลอกใช้ชื่อ”ผบ.ตร.”ปลอมเพจเฟซบุ๊กทำใบขับขี่ออนไลน์
ภาพ-ข่าว:อริย์ธัช พรอัศวโยธิน
กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. ได้สั่งการให้ดำเนินการรกวาดล้างอาชญากรรมทางเทคโนโลยีและ อาชญากรรมทั่วไปนั้นพบพฤติการณ์ว่ามีคนร้ายใช้เฟซบุ๊ก ชื่อ “พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล” โดยมีการสร้างเพจเฟซบุ๊กปลอมซักชวนให้ประชาชนทำใบขับขี่ออนไลน์ เมื่อผู้เสียหายสนใจและทักสอบถามไป ทางเพจจะให้ผู้เสียหายเลือกประเภทของใบขับขี่รวมถึงค่าดำเนินการของใบขับขี่ออนไลน์ที่จะทำ และบอกถึงเอกสารที่ผู้เสียหายจะต้องใช้ในการทำใบขับขื่ออนไลน์ เช่น ถ่ายหน้าบัตรประชาชน, เบอร์โทรศัพท์, รูปหน้าตรง, ที่อยู่ปัจจุบัน เป็นต้น ในขั้นตอนแรกจะให้ผู้เสียหายจ่ายค่ามัดจำครั้งละ 500 บาท เมื่อได้เป็นรูปบัตรแอดมินก็จะส่งรูปบัตรพร้อมแจ้งให้ชำระส่วนที่เหลือ เมื่อผู้เสียหายชำระส่วนที่เหลือแล้ว
ต่อมาแอดมินจะมีการแจ้งให้ผู้เสียหายชำระค่ายืนยันตัวตนอีก 3,999 บาท และบอกว่าจะได้รับชำระคืนภายใน 30 นาที ถึงชั่วโมง ผู้เสียหายรู้ตัวว่าถูกหลอกจึงเดินทางไปแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน เพื่อดำเนินคดีบุคคลดังกล่าว ในข้อหา“ฉ้อโกง โดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน” ต่อมาพนักงานสอบสวนจึงทำการออกหมายเรียกผู้ต้องหา 2 คน คือ นายกฤษณพล ดวงจันทร์ และ นายอนิวรรต มีกลิ่นหอม มาพบพนักงานสอบสวนเพื่อแจ้งข้อกล่าวหาและดำเนินคดีตามกฏหมาย
พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง ผบก.สอท. 1 กล่าวว่า กองบัญชาการสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ขอฝากถึงพี่น้องประชาชน วิธีสังเกตุภัยร้ายไซเบอร์ คือ 1. อย่าหลงเชื่อเฟซบุ๊กบุคลที่มีชื่อเสียง และเป็นที่รู้จักของประชาชนโดยทั่วไป เป็นการสร้างความน่าเชื่อถือใน การหลอกลวงจนเกิดความเสียหายแกประชาชน 2. หากพบเห็นการกระทำความผิดในลักษณะดังกล่าว แจ้งมายังสายด่วนของ กองบัญชาการสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ได้ที่ สายด่วนหมายเลข 1441 เวลาราชการ แจ้งความออนไลน์ ได้ที่ https://www.thaipoliceonline.com/ หรือ แอดไลน์ @police1441 แชทบอทกับหมวดขวัญดาว ตลอด 24 ชั่วโมง โดยทางกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี จะสืบสวนหาพยานหลักฐานเพื่อจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป