“สรรเพชญ”รับร่างกฎหมาย“สมรสเท่าเทียม” และจี้ถามหน่วยงานกับโครงการ“อควาเรียมหอยสังข์ สงขลา”
สรรเพชญ รับร่างกฎหมาย “สมรสเท่าเทียม” หวัง “ยกระดับศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ สู่ความเสมอภาคทางสังคมของผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศ”
วันนี้ (14 ธันวาคม 2566) เวลา 08.30 น. ณ อาคารรัฐสภา นายสรรเพชญ บุญญามณี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดสงขลา ได้ร่วมเข้ารับร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่ …) พ.ศ. … ในประเด็นการสมรส หรือร่างกฎหมายสมรสเท่าเทียม จากคุณวทันยา บุนนาค หรือมาดามเดียร์ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และคณะ โดยหลักการสำคัญของร่างกฎหมายฉบับนี้ คือ การให้ความคุ้มครองสิทธิ เสรีภาพของผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศ เพื่อสร้างความเสมอภาคและเท่าเทียมกันทางสังคม
โดยนายสรรเพชญ กล่าวว่า ตนให้ความสำคัญกับการส่งเสริมสิทธิ เสรีภาพของผู้ที่มีความหลากหลายเพศ เพราะเชื่อว่า รากฐานสำคัญของสังคมประชาธิปไตย คือ การอยู่ร่วมกันของผู้คนที่มีความแตกต่าง หลากหลาย ทั้งด้านความคิด ความเชื่อ ทัศนคติ วิถีชีวิต ฯลฯ และย่อมหมายถึง “เพศที่หลากหลาย” ด้วย “ตนจะขับเคลื่อนร่างกฎหมายสมรสเท่าเทียม ในกระบวนการนิติบัญญัติต่อไป และขอให้ความมั่นใจกับพี่น้องผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศว่า ความรักอันบริสุทธิ์ ของพวกท่านจะได้รับการคุ้มครอง อย่างมีเกียรติ และมีศักดิ์ศรีในสังคมไทย” นายสรรเพชญ กล่าวในตอนท้าย
“สรรเพชญ” จี้ถามหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง “เดินหน้าต่อหรือพอแค่นี้” กับโครงการ “อควาเรียมหอยสังข์ สงขลา” ผ่านที่ประชุม กมธ.ติดตามงบประมาณ
เมื่อวานนี้ (14 ธันวาคม 2566) เวลา 09:30 น. นายสรรเพชญ บุญญามณี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดสงขลา ในฐานะคณะกรรมาธิการศึกษาการจัดทำและติดตามการบริหารงบประมาณ ได้ร่วมประชุมคณะกรรมาธิการศึกษาการจัดทำและติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร โดยในที่ประชุมได้มีการพิจารณาเรื่อง “ติดตามการบริหารงบประมาณของสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา โครงการก่อสร้างศูนย์ศึกษาการเพาะพันธ์ุสัตว์น้ำทะเลสาบสงขลา อำเภอเมืองสงขลา จังหวัดสงขลา” โดยมีผู้แทนจากหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งคณะกรรมาธิการได้เชิญเข้าร่วม เพื่อให้ข้อมูลต่อคณะกรรมาธิการฯ ได้แก่ ผู้แทนจากสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ผู้แทนจากสำนักงบประมาณ ผู้แทนจากกรมบัญชีกลาง รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา และผู้อำนวยการวิทยาลัยประมงติณสูลานนท์ แต่ในส่วนของ ป.ป.ช. ซึ่งได้รับเชิญด้วยแต่ไม่ได้เข้าร่วมการประชุมฯ โดยได้รับแจ้งจากฝ่ายเลขาประจำคณะกรรมาธิการฯ แจ้งว่า ทาง ป.ป.ช. ไม่เข้าร่วมเนื่องจากกระบวนการพิจารณายังไม่แล้วเสร็จ
ด้านนายสรรเพชญ ได้กล่าวถึง สาเหตุและความจำเป็นที่ต้องให้พิจารณาเรื่องนี้ในวาระการประชุม สืบเนื่องมาจากโครงการก่อสร้างอควาเรียมหอยสังข์แห่งนี้ ได้รับการอนุมัติงบประมาณก่อสร้างตั้งแต่ปี 2551 โดยได้รับอนุมัติงบประมาณครั้งแรกเป็นเงินกว่า 800 ล้านบาท เพื่อดำเนินการก่อสร้าง และรัฐบาลได้อนุมัติงบประมาณเพื่อเป็นค่าดำเนินการก่อสร้าง (มัดจำ) ไปแล้วร้อยละ 15 ซึ่งเป็นไปตามอัตราที่กำหนด ซึ่งหลังจากนั้นเกิดความไม่ชอบมาพากลในการดำเนินการ ทั้งมีการขอลดสเป็กของผู้รับงาน การก่อสร้างที่ทำให้เกิดข้อถกเถียงด้านสถาปัตยกรรมและวิศวกรรม จนกระทั่งกระทรวงศึกษาธิการได้สั่งให้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงและตั้งคณะกรรมการสอบสวน และได้ยื่นเรื่องดังกล่าวให้สำนักงานคณะกรรมการปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) พิจารณา
นายสรรเพชญ กล่าวต่อว่า โครงการนี้เป็นโครงการที่ส่วนกลางลงมาดำเนินการในพื้นที่ ซึ่งท้องถิ่นไม่ได้มีความเกี่ยวข้องใด ๆ และเมื่อเกิดปัญหา ประชาชนในพื้นที่ก็เกิดความสงสัย เพราะเกรงว่าจะเป็นอนุสรณ์สถานแห่งการโกงหรือไม่ จึงทำให้ตนซึ่งได้รับเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการก่อสร้างอควาเรียมที่สร้างไม่เสร็จมากว่า 15 ปี และใช้งบประมาณกว่า 1,200 – 1,400 ล้านบาท เข้าพิจารณาในคณะกรรมาธิการ
ด้านผู้แทนจากสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กล่าวว่า โครงการนี้ถ้าหากจะดำเนินการต่อ ต้องใช้งบประมาณอีกประมาณ 500 ล้านบาท จึงจะสามารถบรรลุตามวัตถุประสงค์ อีกทั้งขณะนี้สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษายังไม่กล้าที่จะดำเนินการใด ๆ เนื่องจากเรื่องนี้ยังอยู่ในชั้นการพิจารณาของ ป.ป.ช. และถึงแม้ว่าจะมีประกาศของ ป.ป.ช. ภาค 9 ที่ได้แถลงความถืบหน้าการตรวจสอบ กรณีโครงการก่อสร้างศูนย์ศึกษาการเพาะพันธุ์สัตว์น้ำทะเลสาบสงขลา (อควาเรียม) ว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข่องสามารถดำเนินการปรับปรุงหรือก่อสร้างต่อไปได้ โดยไม่ต้องรอให้การตรวจสอบของสำนักงาน ป.ป.ช. เสร็จสิ้นก่อน แต่ผู้แทนจาก กอศ. ได้ชี้แจงเพิ่มเติมว่าต้องให้ ป.ป.ช. กลาง มีหนังสือแจ้งอย่างเป็นทางการก่อนจึงจะสามารถดำเนินการต่อได้
ทางด้านของผู้แทนจากกรมบัญชีกลาง และสำนักงบประมาณ ได้ชี้แจงว่า โครงการนี้มีการเบิกจ่ายไปแล้ว 1,200 ล้านบาท และในการก่อสร้างระยะต่อไปยังไม่มีคำของบประมาณเพื่อดำเนินการก่อสร้างแต่อย่างใด นอกจากนี้รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ได้กล่าวเพิ่มเติมในที่ประชุมว่า โครงการนี้เป็นแผลในใจของชาวจังหวัดสงขลาเป็นอย่างมาก เพราะทำเลที่ตั้งเป็นจุดที่มองเห็นได้ชัด ดึงดูดนักท่องเที่ยวได้ แต่ไม่สามารถเปิดใช้บริการได้ ทำให้เกิดการเสียโอกาสกับประชาชนเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ ยังได้เสนอว่าหากไม่สามารถดำเนินการให้ตรงตามวัตถุประสงค์ก็ควรทำให้เป็นสวนสาธารณะให้ประชาชนได้ใช้ประโยชน์ต่อไป
ทางด้านผู้อำนวยการวิทยาลัยประมงติณสูลานนท์ ได้กล่าวว่า ปัจจุบัน อควาเรียมหอยสังข์แห่งนี้ได้หยุดการก่อสร้างชั่วคราว วัสดุ อุปกรณ์ต่าง ๆ ก็เสื่อมโทรมตามกาลเวลา อีกทั้งยังมีผู้ไม่หวังดี เข้ามาขโมยของด้านในบ่อยครั้ง แม้จะมีการล็อกประตูล่ามโซ่ก็ตาม จึงขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการเพื่อให้โครงการได้มีการเปิดให้บริการตามวัตถุประสงค์ต่อไป