“หมั่นดูแลพ่อแม่ ก่อนไม่มีพ่อแม่ให้ดูแล”-ธรรมมะดีๆจากหลวงพี่น้ำฝน
เรื่องโดย:พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ (หลวงพี่น้ำฝน)
เจริญพรญาติโยมผู้อ่านทุกท่าน จุดไฟในใจคนฉบับที่แล้ว อาตมาก็บอกกล่าวถึงความสำคัญของปีใหม่ ว่าแม้จะเป็นวันสมมติตามปฏิทิน แต่ก็เป็นเหมือนหลักไมล์ชีวิตที่เราจะเลิกสิ่งเก่าที่ไม่ดี เริ่มต้นสิ่งใหม่ที่ดี ได้ทบทวนตนเองว่าเราผ่านอะไรมาบ้าง เจออะไรมาบ้างในปีหนึ่ง วันปีใหม่ก็เป็นโอกาสอันที่ที่จะตั้งสัจจะ เลิกสิ่งไม่ดี เริ่มต้นสิ่งที่ดี เริ่มต้นทำความดี คิดดี พูดดี ให้ปีใหม่นี้เป็นสิ่งที่ดี
ความดีที่เราทำได้คืออะไร เมื่อพูดว่าความดี ความดีนั้นมันกว้างขวาง ทำได้หลายอย่าง หลายระดับ ถึงกับมีคนถามว่า ทำอะไร ทำอย่างไรจึงจะเรียกว่าดี หรือทำอะไร ทำอย่างไร จึงจะเรียกว่าได้บุญมาก ต้องไปทำบุญวัดไหนจึงจะดี ทำบุญด้วยอะไรจึงจะได้บุญมาก
อาตมาแนะนำว่า ไม่ต้องไปตามหาของทำบุญให้เหนื่อย ไม่ต้องไปตามหาวัดให้ลำบาก ไม่ต้องหาวิธีให้พิสดาร ความดีที่เราทำได้ บุญที่เราทำได้ อยู่แค่ที่บ้านเราเอง คือการทำบุญอยู่กับพ่อแม่ บุพการี ผู้มีพระคุณ
ญาติโยมผู้อ่านทุกท่าน อาตมาเชื่อว่าผู้อ่านหลายคนน่าจะอยู่ในสภาพนี้ คือ มีพ่อแม่ที่แก่เฒ่า พ่อแม่ที่เคยเลี้ยงเรามา เลี้ยงดูอุ้มชูเรา สนับสนุนเงินทองแก่เรา จนเราเติบใหญ่เลี้ยงดูตนเองได้ และเมื่อเวลาผ่านไป พ่อแม่ของเราก็แก่ลงทุกวัน จากที่เคยเดินเหินได้สะดวกก็ชักจะเดินไม่ได้ หมดเรี่ยวหมดแรง หูตาไม่ดี ความจำความคิดก็เสื่อมถอยไปตามอายุขัย และก็น่าเศร้าใจอีกเช่นกันที่อาตมารู้ และเห็นว่า มีพ่อแม่หลายคน หลายบ้าน ลูกหลานไม่สนใจไยดีเลย เหมือนกับว่าทิ้งคนแก่ไว้ให้เผชิญโลกลำพังก็ว่าได้ แต่พอไปถามว่า รักแม่ไหม รักพ่อไหม ก็ตอบอย่างหน้าชื่นตาบานว่า รัก รักมาก
แต่ดูสภาพความเป็นอยู่ของพ่อแม่สิ
เมื่อเป็นแบบนี้แล้ว อาตมาก็สลดใจ เพราะอาตมาเห็นว่า เราเติบใหญ่แล้วเราควรจะดูแลพ่อแม่อย่าได้ปล่อยปละละเลย เพราะท่านเป็นผู้มีพระคุณมาแต่หนหลัง แค่อุ้มท้องเรามาเก้าเดือน แล้วก็ต้องเผชิญกับความเจ็บปวดแสนสาหัสเมื่อคลอดเราออกมา แค่นี้ก็ถือว่าเป็นพระคุณ เป็นความเสียสละยิ่งยากจะหาพระคุณใดมาเสมอเหมือนได้อีกแล้ว การรักพ่อแม่แต่ปากนั้นไม่ช่วยอะไร แทบไม่ใช่การทำดีหรือทำบุญอะไรเลย เราต้องทำ ถือเอาเป็นหน้าที่ในการดูแลพ่อแม่ที่แก่เฒ่า ตามกำลังที่เราทำได้
คนเราอาจจะมีภาระของตน บางคนญาติพี่น้องไม่มี ก็ต้องทำงานหาเงินคนเดียว ไม่มีเวลาไปดูแล เงินทองก็ไม่ได้มีมาก ก็ไม่เป็นไร ไม่ได้บังคับว่า เอ้า ถ้าคุณอยากเป็นลูกกตัญญูต้องมาดูแลพ่อแม่ ใครมีงานก็ลาออกจากงานมาดูแลพ่อแม่ซะ ทีนี้แล้วใครจะหาเงินเลี้ยงพ่อแม่ อาตมาไม่ได้หมายความอย่างนั้น ก็ให้ทำเอาตามกำลังของเรา เต็มที่ในแบบของเรา ตามเงื่อนไขที่เราสามารถทำได้ ขอแค่แบ่งเวลาสักนิดมาทำหน้าที่ลูก เท่านี้ก็เป็นความดีมหาศาลแล้ว อย่าได้ปล่อยปละละเลยท่าน ไม่สนใจไยดีท่าน เพราะเอาจริงแล้ว ถ้าท่านไม่อยู่กับเรา คนที่จะเสียใจที่สุดก็คือตัวเราเองนั่นแหละ
อาตมานี่เจอบ่อย โรคพิเศษพิสดารประการหนึ่ง พบได้บ่อยที่หน้าห้องไอซียู คือ กตัญญูซินโดรม พ่อแม่เจ็บป่วยใกล้ตาย ต่อสายต่อท่อ พี่น้องทะเลาะกันเอง หรือทะเลาะกับหมอว่าจะปล่อยให้จากไปหรือต่อสายต่อท่อไว้ให้มีชีวิต ทั้ง ๆ ที่ทำไปก็ไม่ทำให้พ่อแม่ฟื้นขึ้นมาได้ ได้แต่มีชีพจรเท่านั้น ลูกก็ร้องห่มร้องไห้ ขอให้หมอต่อท่อไว้ เสียเงินเท่าไรไม่ว่า ขอให้พ่อแม่อยู่ พอต่อท่อแล้วลูกก็ไปนั่งน้ำตาซึมอยู่ข้างเตียงพ่อแม่ที่บัดนี้มิต่างกับก้อนเนื้อมีชีวิต ทรมานจากสารพัดสายระโยงระยางเพียงเพื่อให้ยังมีชีพจร อาตมาเห็นแบบนั้นก็รำพึงว่า ทำไมไม่เอาเงินที่ทุ่มจ่ายให้แก่หมอ เวลาที่ไปนั่งเฝ้าร่างอันเกือบจะไร้วิญญาณของพ่อแม่ไปใช้ก่อนหน้านี้ ตอนที่พ่อแม่ยังแข็งแรงอยู่ หรือยังพอจะรู้เรื่อง ไม่ใช่ที่ห้องไอซียู พอชีพจรขาดจริง ๆ ก็ร้องไห้ปานจะขาดใจ ร้องระงมแทบจะเป็นลมเวลาเขามัดมือมัดเท้าเอาร่างพ่อร่างแม่ลงโลง แต่ตอนท่านยังเป็นนี่คือไม่ไยดี ไม่ทำอะไรเลย อันนี้เขาเรียกกตัญญูซินโดรม ทำไมเราจะต้องให้มันเป็นกตัญญูซินโดรมด้วย โรคนี้จะไม่เกิดถ้าเราทำทุกอย่างอย่างเต็มที่แต่ต้น มิฉะนั้นก็คือรู้ตัวเมื่อสาย รู้ตัวว่าการไม่มีพ่อมีแม่แล้วมันเป็นความรู้สึกที่เจ็บปวด โหวงเหวง ชนิดที่ถ้าไม่เคยเจอกับตัวก็ไม่เข้าใจ
อาตมาก็เข้าใจความรู้สึกแบบนี้กับโยมแม่ตนเอง คือคุณโยมแม่บุญส่ง อาตมานำโยมแม่มาเลี้ยงดูอย่างดีที่วัด มีข้าวปลาอาหารการกินพร้อมสรรพ เจ็บป่วยอะไรก็พาไปโรงพยาบาล อาตมาก็ทำเท่าที่ทำได้ตามสมณสารูป จะให้ไปจับต้องอะไรมากก็อาจไม่ได้ มิสมควรแก่ภิกษุภาวะ แต่อาตมาก็ทำตามที่อาตมาทำได้ เมื่อโยมแม่บุญส่งถึงคราวจากไป อาตมารู้สึกเสียใจ แม่ตายไปทั้งคนน่ะ แม่ที่เลี้ยงอาตมามาแต่เพียงผู้เดียวแต่ยังเล็ก ลำบากยากจนมาด้วยกัน แต่อาตมาไม่รู้สึกว่ามีอะไรติดค้างอีกแล้ว เพราะถือว่าอาตมาได้ทำหน้าที่อย่างสมบูรณ์แล้ว สมบูรณ์จริง ๆ เหลือแต่ความทรงจำอันดีงามถึงโยมแม่ที่ไม่มีวันลืม
ฉะนั้น ขอให้ทุกคนได้เตือนใจตนเองว่า ทำบุญกับพ่อแม่วันนี้ดีกว่าทำบุญในวันที่ท่านไม่อยู่ ดูแลพ่อแม่วันนี้ดีกว่าไม่มีพ่อแม่ให้ดูแล โรคอะไรก็เป็นได้แต่อย่าได้เป็นเลยนะ กตัญญูซินโดรม… ขอเจริญพร